SHARE

คัดลอกแล้ว

https://youtube.com/watch?v=pBTmh20df0g

ข่าวลือ ข่าวลวง เป็นสิ่งที่อยู่คู่สังคมไทย และสังคมโลกมานานแล้ว แต่ถ้าจะนับจุดเริ่มต้นของคำว่า Fake News น่าจะเป็นช่วงต้นปี 2016
จุดเริ่มต้นของ Fake News ไม่ได้เกิดจากประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น หรือ อังกฤษ แต่กลับเกิดขึ้นจากประเทศเล็กๆ ในยุโรปอย่างมาเซโดเนีย
วัยรุ่นอายุ 18 ปีคนหนึ่งในมาเซโดเนีย ทำงานพาร์ทไทม์ด้วยการเขียนข่าวและบทความ Fake News เพื่อส่งกระจายต่อไปตามเว็บการเมืองเลือกข้าง ในช่วง 4 เดือนระหว่างสิงหาคมถึงพฤศจิกายนของปี 2016 วัยรุ่นคนนี้สามารถทำเงินได้แตะๆ 500,000 บาทเลยดีเดียว

เด็กวัยรุ่นที่ผลิต Fake News ทำเงินไปได้กว่าห้าแสนบาท ในขณะที่ชาวมาเซโดเนียโดยเฉลี่ย มีายได้แค่เดือนละ 10,000 บาท

หลังจากเริ่มเล็งเห็นช่องทางในการหารายได้คนก็แห่กันเข้ามาเขียนข่าวปลอมกันเยอะแยะไปหมด สำนักข่าว Wired รายงานว่าในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2016 มีเว็บไซท์การเมืองจดทะเบียนสูงกว่าร้อยเว็บ ข่าวที่ช่วยหนุนให้ โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง นับยอดแชร์ได้มากกว่า 30 ล้านครั้ง
ที่มาของรายได้ Fake News
รายได้หลักก็มาจากบริการอย่าง Adsense หรือ Appnexus ที่เปิดโอกาสให้กับเจ้าของเว็บไซต์สามารถทำรายได้โดยการนำโฆษณามาวาง บริการเหล่านี้จัดวางแบนเนอร์โฆษณาไปทุกที่ ไม่เลือกว่าเป็นเว็บข่าวประเภทใด น่าเชื่อถือมากขนาดไหน ขอแค่มีคนเห็นก็พอ ยิ่งยอดวิวสูง รายได้ก็จะมากขึ้นตามไปด้วย
แม้ว่าแบรนด์ดังและบริษัทต่างๆ จะพยายามบล็อกไม่ให้แบรนด์ของตัวเองปรากฎอยู่บนหน้าเว็บเหล่านี้ แต่มันก็ยากที่จะไล่ตามเก็บได้หมด ยิ่งเมื่อมีเว็บใหม่ๆ เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ดด้วยแล้ว
Fake News กลายเป็นปรากฎการณ์คู่ขนานในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2016 ซึ่งแม้จะยังฟันธงไม่ได้ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งด้วย Fake News
แต่มันก็ส่งแรงสั่นสะเทือนมากพอให้ยักษ์ใหญ่ในวงการออนไลน์ ต้องหันมาพิจารณานโยบายของตนเอง Facebook เซ็นสัญญาร่วมงานกับ Snope และ Politifact เพื่อช่วยกรองข่าวให้ ด้าน Google ก็ระงับการจ่ายเงินให้กับเว็บไซต์ที่ถูกตรวจได้ว่าเป็น Fake News แต่จะเห็นได้ว่าทั้งสองวิธีก็ทำได้แค่ระงับ ยับยั้ง หลังจาก Fake News ถูกเผยแพร่ไปแล้ว แต่ยังไม่สามารถป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นได้

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า