สมชัย เผยมหัศจรรย์ รวบรวมข้อเท็จจริงแค่ 8 วัน กกต.ฟ้องคดีอนาคตใหม่กู้เงิน

วันที่ 21 ม.ค. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์รายการ Workpoint Today หลังกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยกฟ้องคำร้องที่ขอให้ยุบพรรคอนาคตใหม่จากการใช้สิทธิและเสรีภาพในการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นมุขว่า เรื่องคดีถัดไปที่ กกต.ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่จากกรณีกู้เงินนายธนาธร ยังต้องดูต่อไปว่าจะมีการไต่สวนก่อนที่ศาลจะมีคำวินิจฉัยหรือไม่

เรื่องเงินกู้ของพรรคการเมือง ตนตรวจสอบงบการเงินพบว่ามี 18 พรรค มีระบุว่ามีการกู้เงิน หักพรรคไทยรักษาชาติที่ถูกยุบ กับอนาคตใหม่ไปแล้วก็ยังมี 16 พรรคที่กู้เช่นกัน
.
และต่อมาไปค้นเพิ่มเติมมีกรณี ยืมเงิน หรือทดรองจ่าย สำรองจ่าย มีอีก 16 พรรค รวม 32 พรรรค การเปิดข้อมูลเหล่านี้ ไม่ใช่การช่วยอนาคตใหม่ แต่เป็นการให้ข้อมูลสังคม และต้องการให้ กกต.ดำเนินการอย่างไม่มี 2 มาตรฐาน
.
นายสมชัย กล่าวต่อว่า ถ้าตนยังเป็น กกต.จะตัดสินว่าการกู้เงินไม่ผิด เพราะตั้งแต่อดีตเงินกู้ไม่ใช่เงินบริจาคและไม่ใช่รายได้ ทุกปีที่ผ่านมาก็จะมีเรื่องเงินกู้และเงินยืม สมัยตนเรื่องนี้ถูกตลอด เพิ่งมาสมัยนี้ที่บอกว่าผิด ซึ่งตนว่าผิดปกติ และไม่ใช่ว่าเป็นเพราะมีการใช้กฎหมายฉบับใหม่ คือ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง ปี 2560 แทนปี 2550 กฎหมาย 2 ฉบับนี้แม้มีสาระสำคัญแตกต่างกัน แต่ที่ตนยกมาเป็นเรื่องของกฎหมายใหม่

การที่ตนเคยอยู่ในตำแหน่งนี้ จึงออกมาพูดเพื่อให้ กกต.ดีขึ้นและเป็นที่ยอมรับของสังคม ถ้าทำงานตรงไปตรงมาสังคมจะเชื่อถือ แต่เขาอาจจะทำงานช้าไปบ้าง ที่บอกว่าพรรคอื่นตรวจสอบเหมือนกันก็ต้องทำให้เร็ว จะบอกว่ารู้อยู่พรรคเดียวคืออนาคตใหม่เพราะมีคนร้อง แบบนี้เป็นการทำงานเชิงรับ ต้องทำงานเชิงรุก เห็นอะไรไม่ถูกต้องต้องทำงานได้เอง

เมื่อถามถึงเรื่องกระบวนการสืบสวนตามเอกสารหลุด กกต.ในการดำเนินคดีกู้เงินที่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่นำมาแถลง นายสมชัย ให้ความเห็นในช่วงหนึ่งว่า ตามเอกสารกระบวนการสืบสวนและไต่สวนเป็นไปตามมาตรา 66 พ.ร.ป.พรรคการเมือง (บุคคลห้ามบริจาคให้พรรคเกิน 10 ล้านบาทต่อปี) และสรุปว่าไม่ใช่เงินบริจาค ทั้งคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน, สำนักสืบสวนสอบสวน และคณะอนุกรรมการวินิจฉัย
.
แต่หลังจากตรงนี้แล้วมีคำสั่งของเลขาธิการ กกต. ให้ตั้งคณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงขึ้นมาอีกชุดหนึ่งและหลังจากนั้นก็เอาความเห็นจากการรวบรวมข้อเท็จจริงส่งเข้า กกต. โดยเพิ่มมาตรา 72 (ห้ามพรรครับบริจาคเงินมีผิดกฎหมาย) มาตรา 62 (กำหนดที่มาเรื่องรายได้พรรค) เข้าไป ซึ่งอันนี้ผิดปกติ เพราะเรื่องที่ชงขึ้นมาขั้นต้นเป็นมาตรา 66 เรื่องเงินบริจาค

คณะทำงานรวบรวมข้อเท็จจริงถ้าดูเวลาจริงๆ การทำงานมหัศจรรย์มาก ชุดแรกๆ ทำงานกัน 4 เดือน ชุดหลังนี้ทำงาน 8 วันทำการ แต่งตั้ง 27 พ.ย. เอาเข้าที่ประชุม กกต. วันที่ 11 ธ.ค.
.
“ผมก็บอกว่านี่มันมีสิ่งที่ผิดปกติอยู่ เรื่องทำนองแบบนี้ต้องชี้แจงแล้วการเพิ่มข้อกล่าวหา มาตรา 72 และมาตรา 62 ไม่ได้เปิดโอกาสให้พรรคเขาเข้าไปชี้แจง อันนี้ก็ดูแล้วเป็นอะไรที่อาจจะดูอึดอัดสักนิดหนึ่ง”
.
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากคณะทำงานรวบรวมข้อเท็จจริง เสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม กกต.ในวันที่ 11 ธ.ค. แล้ว วันเดียวกัน กกต.เสียงข้างมากเห็นควรให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ และ วันที่ 13 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ กกต.ได้ไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ