“เราแค่อยากทำพรรคการเมืองให้โปร่งใส” ธนาธรให้สัมภาษณ์ 1 วันก่อนถูกยุบ

หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์รายการเวิร์คพอยทูเดย์ เชื่อพรรคอนาคตใหม่จะไม่ถูกยุบพรรคเพราะไม่มีกฎหมายเพียงพอ เผยไม่ได้รับความเป็นธรรม 3 ประเด็น และหากมีการยุบพรรคก็จะเดินหน้าทำงานทางการเมืองต่อไป

วันที่ 21 ก.พ.2563 เมื่อเวลา 15.00 น. คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ ตามมาตรา 92 วรรรคหนึ่ง (3) ประกอบ มาตรา 72 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 กรณีพรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงินจาก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จำนวน 191.2 ล้านบาท โดยศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ เพราะศาลมองเห็นว่านายธนาธร จะครอบงำพรรค และกรรมการบริหารพรรคที่โดนตัดสิทธิ์ ไม่มีสิทธิ์ให้ตั้งพรรคการเมืองใหม่ หรือมีกิจกรรมทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี

ก่อนหน้านี้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ในรายการเวิร์คพอยทูเดย์เมื่อค่ำวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า ในแง่ของการทำงาน พรรคอนาคตใหม่ไม่ได้ต้องการตั้งพรรคเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง เพื่อพรรคพวก หรือธุรกิจครอบครัว เรื่องตำแหน่งทางการเมืองไม่ได้เป็นเรื่องที่สนใจมากนัก แต่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงการเมืองไปในทางที่ดี ไปในทิศทางที่ถูกต้อง เห็นบ้านเมืองกลับสู่ความปกติ มีประชาธิปไตย ประชาชนทุกคนเสมอภาคกัน ดังนั้น สถานะใดก็พร้อมทำงานเพื่อสร้างสังคมอย่างที่เราเห็นต่อไป

นายธนาธร กล่าวว่า มั่นใจว่าวันที่ 24 ก.พ.ซึ่งเป็นวันอภิปรายไม่ไว้วางใจจะได้ทำหน้าที่ในสภาฯ เพราะในด้านข้อกฎหมายมีช่องทางให้ยุบพรรคอนาคตใหม่น้อย ตั้งข้อสงสัยว่า ศาลอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 21 ก.พ. การอภิปรายไม่ไว้วางใจซึ่งเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบฝ่ายบริหารเกิดขึ้นในวันที่ 24 ก.พ.นี้ มีข้อสงสัยว่า เป็นการตัดกำลังของพรรคอนาคตใหม่ในการทำงานตรวจสอบรัฐบาลแทนพี่น้องประชาชนหรือเปล่า

“เราไม่ได้หยุดทำงาน มีการประชุมถึงดึกเกี่ยวกับการเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ดังนั้น การยุบพรรคหรือไม่ยุบพรรคไม่ได้ทำให้ย่อท้อ ทำให้เศร้าหมองจนทำงานไม่ได้ เรารู้สึกว่าเราไม่ได้รับความเป็นธรรมใน 3 ประเด็น คือ ในชั้นของคณะกรรมการการเลือกตั้ง มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 2 ชุด ทั้ง 2 ชุดพูดในแบบเดียวกันคือให้ยกคำฟ้องเสีย เหตุผลคือไม่มีกฎหมายข้อใดห้ามพรรคการเมืองกู้เงิน พรรคการเมืองอื่นๆ ก็กู้กัน กรรมการสอบสวนทั้งสองก็มีคำสอบสวนไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนั้นยังบอกอีกว่า เงินกู้เป็นหนี้สิน ไม่ใช่รายได้ เหตุใดจึงตั้งกรรมการชุดที่ 3 มาสอบสวนอีก และมีการตั้งข้อกล่าวเพิ่มว่าทำผิด มาตรา 72 เพราะมาตรา 72 นำไปสู่การยุบพรรค”

หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า มาตรา 66 ที่ผู้ร้องร้อง และที่ กกต.รับคำร้องมา ที่มีการสอบสวนกรรมการชุดที่ 1 และชุดที่ 2 นำไปสู่การยุบพรรคไม่ได้ กรรมการทั้ง 2 ชุดบอกไม่ผิด ยังตั้งกรรมการชุดที่ 3 ขึ้นมาอีก ไม่มีคนร้องก็ดึงมาตรา 72 ขึ้นมาพิจารณาด้วย ที่สำคัญคือ ไม่เปิดโอกาสให้ชี้แจงในฐานะที่เป็นพลเมืองในสังคมที่เป็นประชาธิปไตย ในสังคมที่มีนิติรัฐ นิติธรรม ตนควรจะมีสิทธิ์ที่จะปกป้องตัวเองผ่านการดำเนินการในการพิจารณาปกติ แต่ครั้งนี้ไม่ได้รับทราบข้อกล่าวหา กกต.ไม่เคยแจ้งว่ากล่าวหาในมาตรา 72 ด้วย ไม่เคยไปให้ปากคำในฐานะผู้ถูกกล่าวหา กระบวนการในชั้น กกต. ทั้งหมดถูกเรียกไปชี้แจงครั้งเดียวในฐานะพยาน ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา กระบวนการพิจารณาเช่นนี้มีที่ไหนทำกัน ตนไม่เคยทราบว่าเป็นผู้ถูกกล่าวหาจาก กกต.

เรื่องที่ 2 คือ พยายามชี้แจงเรื่องนี้ต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้สอบสวนเพิ่มเติม แต่ศาลบอกว่าถ้าอยากจะชี้แจงให้ทำเป็นลายลักษณ์อักษรมา คำถามคือตนจะไปบอกให้พนักงาน กกต. ช่วยชี้แจงเป็นไปไม่ได้ จะเรียกบุคคลเหล่านี้ให้เป็นพยานต้องเรียกด้วยอำนาจศาล เพราะคนเหล่านี้มีชื่อเป็นกรรมการสอบสวนในชุดที่ 1 และ 2 ถ้าได้มาชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญจะทราบว่าทำไม่ถึงยกคำฟ้อง นี่คือเหตุผลที่รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม

เรื่องที่ 3 ผู้ร้องไม่ใช่ว่าอยู่ๆ ว่าพรรคกู้เงินตน เรื่องตนเป็นคนให้พรรคกู้เงินเป็นสิ่งที่ได้พูดในเวทีสาธารณะหลายๆ เวที พูดอย่างเปิดเผย ซื่อสัตย์และสุจริต ด้วยความตั้งใจที่ว่าต้องการสร้างพรรคการเมืองให้เข้มแข็ง ให้พรรคการเมืองเป็นของมวลชน และการสร้างพรรคการเมืองนั้นจำเป็นต้องใช้เงิน จึงให้พรรคกู้เงินโดยบอกกับทุกคนให้มาสนับสนุนพรรคการเมืองนี้ พรรคที่ยืนยันอุดมการณ์ สมัครสมาชิกพรรค 200 บาท ช่วยกันบริจาคเพื่อให้ปิยะบุตรเข้าไปทำหน้าที่ในสภา ช่วยกันระดมทุนเพื่อคืนเงินกู้ให้กับหัวหน้าพรรค ตรงนี้ผู้ร้องตั้งใจไม่พูด

“ความตั้งใจดีของผมที่ต้องการจะตั้งพรรคการเมืองแบบนี้ โปร่งใสซื่อสัตย์แบบนี้ กลับกลายเป็นหอกมาทิ่มแทงตัวเอง ถ้าต่อไปใครจะตั้งพรรคการเมือง ผมแนะนำว่าต่อไปไม่ต้องโปร่งใส ไม่ต้องชี้แจง ไม่ต้องสำแดงว่าซื้อโต๊ะไปกี่ตัว เก้าอี้กี่ตัว จ่ายค่าน้ำค่าไฟไปเท่าไร เราเอาค่าใช้จ่ายมาวางบนโต๊ะให้ทุกคนเห็นว่า พรรคแบบนี้ใช้เงินเท่าใด แล้วช่วยกันระดมทุน จะได้ไม่ต้องไปขอเงินจากนายทุนซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มทุนที่ผูกขาดกับประเทศ เพราะเราไม่ต้องการให้เมื่อเรามีอำนาจแล้วเราต้องตอบแทนผลประโยชน์ให้กับเขา” นายธนาธร กล่าว