SHARE

คัดลอกแล้ว

 ผบก.ภ.จว.ตราด ลงพื้นที่เหตุไฟไหม้โรงแรมโซเนวาคีรี เกาะกูด เผยต้องฟังความทั้งสองฝ่าย คปภ. ตรวจสอบพบวงเงินประกัน 902 ล้านบาท 

วันที่ 8  มี.ค. 2565  จากกรณีเฟซบุ๊กเพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน ของ หมอโอ๋ ผู้ช่วยศาสตราจารย์แพทย์หญิงจิราภรณ์ อรุณากูร กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์เล่าเหตุการณ์ โรงแรมโซเนวา คีรี เกาะกูด จ.ตราด เกิดไฟไหม้ ระหว่างไปเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัวเมื่อวันที่ 6 มี.ค. ที่ผ่านมา ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสพร้อม ระบุว่าไม่มีสัญญาณเตือน ไม่มีสปริงเกอร์พ่นน้ำ

ล่าสุด พล.ต.ต.ปกรณ์ มณีปกรณ์ ผบก.ภ.จว.ตราด พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจภูธรจ.ตราด เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะกูด ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกับพิสูจน์หลักฐานจ.ตราด แล้ว แต่ปรากฏว่าความเสียหายของอาคารเกินขีดความรับผิดชอบของพิสูจน์หลักฐาน จ.ตราด จึงต้องรอพิสูจน์หลักฐานจากกรุงเทพมหานครมาตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง

พล.ต.ต.ปกรณ์ กล่าวว่า ยังไม่สามารถให้ข้อมูลและรายละเอียดได้ ต้องรอสอบถามจากเจ้าของโรงแรมและผู้เสียหาย กรณีโรงแรมไม่มีระบบแจ้งเตือนภัย ไม่มีการควบคุมป้องกันภัยตามที่เป็นข่าวหรือไม่และผู้เสียหายมีความเสียหายมากน้อยเท่าไร จึงต้องเร่งสอบรายละเอียดในส่วนนี้อีกครั้ง 

ด้านนายสมพงษ์ ตีระวัฒนานนท์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดตราด เปิดเผยว่า หลังจากทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบอาคารที่พักดังกล่าวแล้ว ส่วนการก่อสร้างอาคารต่างๆ ทางผู้ประกอบการจะต้องขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมาย และติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันให้ครบถ้วน ในส่วนนี้กำลังตรวจสอบเพื่อความแน่ชัดต่อไป

ด้านคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยจังหวัดตราด เปิดเผยว่าโรงแรมโซเนวา คีรี เกาะกูด มีประกันอัคคีภัยวงเงิน 902 ล้านบาท ตอนนี้ทาง คปภ.ได้รับหนังสือกรมธรรม์แล้วและอยู่ระหว่างตรวจสอบ ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะกูด เพื่อหาข้อเท็จจริงในการเกิดอัคคีภัยในครั้งนี้ เพื่อจะได้ทำเรื่องชดเชยค่าเสียหายได้ต่อไป

ขณะที่เมื่อวานนี้ โซเนวา  ออกแถลงการณ์ชี้แจงเหตุไฟไหม้ โดยระบุในแถลงการณ์ช่วงหนึ่งว่ามีมาตรการ และปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด ทั้งที่โซเนวา คีรี และรีสอร์ทในเครือโซเนวาทั้งหมด วิลล่าทุกหลังของเราติดตั้งเครื่องตรวจจับควันไฟในห้องนอนทุกห้อง ระเบียบการจัดการด้านอัคคีภัย และความปลอดภัยของเราได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพื่อให้เหมาะสมกับพื้นที่ป่า

ล่าสุด พญ.จิราภรณ์ โพสต์ข้อความอีกครั้ง โดยยืนยันว่า ไม่มีระบบเตือนภัย ไม่ได้ยินเสียงสัญญาณใดๆ 

หมอโอ๋ ระบุว่า ความสูญเสียหลายอย่างตีค่าเป็นราคาไม่ได้ พอดีมีคนส่งมาให้ หมอไม่ทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่หรือผู้บริหารโรงแรมจริงหรือเปล่านะคะ  แต่อยากเรียนให้ทราบว่า

ส่วนตัวหมอไม่ได้มีปัญหากับพนักงานที่โรงแรมนี้เลย เพราะพนักงานทุกคนน่ารักมาก แม้เพิ่งจะมาพักได้วันเดียว ก็รู้สึกว่าทุกคนมี service mind ที่ดีจริงๆ ยิ่งกับผู้บริหารก็ยิ่งไม่อยากมีปัญหา เพราะเราไม่รู้ว่าเค้าทำโรงแรมระดับนี้ นี่เค้าจะใหญ่โตกันขนาดไหน 

เราทราบว่าไม่มีใครอยากให้เกิดอุบัติเหตุ เราก็เข้าใจว่าอุบัติเหตุมันเกิดได้ แต่โรงแรมระดับนี้ มันควรมีระบบป้องกันชีวิตที่ปลอดภัย หรือมีระบบช่วยให้เรารอดได้มากกว่านี้ 

หมอเขียนเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ว่าตลอดเวลาของการเกิดไฟไหม้ ไม่มีใครได้ยินเสียงสัญญาณเตือนใดๆ ไม่มี springer ไม่มี smoke detector ทำงาน มีแต่เสียงเรียกโวยวายของพวกเรากันเองเท่านั้น 

พนักงานมาถึงตอนที่พวกเราหนีตายกัน “ออกมาเอง” หมดแล้ว โดยการที่เราได้โทรตามบัทเลอร์ประจำห้องทางมือถือ ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่รู้เรื่องอะไร แต่ต้องขอบคุณพนักงานของโรงแรมมากๆ ที่ได้ช่วยเหลือ ทำแผล และเคลื่อนย้ายหมอไปโรงพยาบาลแบบปลอดภัยเป็นอย่างดี 

หมอได้อ่านแถลงการณ์ของโรงแรมแล้ว ที่บอกว่าโรงแรมมีระบบ smoke detector “ที่ห้องนอน” ทุกห้อง เป็นไปได้ว่า ห้องที่เกิดไฟไหม้ “ไม่ใช่ห้องนอน” แต่เป็นห้องส่วนกลางของวิลล่า เพราะเราทุกคนที่อยู่ในห้องนอน ยังไม่เจอไฟ เลยหนีตายออกมาได้ทัน 

วันที่หมอต้องมาโรงพยาบาลในจังหวัดตราด ครอบครัวที่เหลือตัดสินใจที่จะอยู่ต่อเพื่อรอดูอาการหมอว่าหนักมั้ย และอยากเดินทางกลับพร้อมกัน ครอบครัวได้ไปนอนที่ห้องพักขนาด 5 ห้องนอน ซึ่งคล้ายกับ 6 ห้องนอนที่เราเคยพัก 

น้องชายหมอก็ถามผู้บริหารว่าหลังนี้ พื้นที่ส่วนกลางที่ไม่ใช่ห้องนอน มีเครื่องตรวจจับควันหรือไม่ ผู้บริหารยอมรับเองว่า “ไม่มี” และยังพูดว่าจะติดตั้งเพิ่มเติมให้ โรงแรมสามารถออกมาบอกได้นะคะว่าเราได้พบปัญหาที่จุดนี้ และเราจะพยายามแก้ไขให้ดีขึ้น ดีกว่าการออกมาบอกในแถลงการณ์ ที่ทำให้คนเข้าใจว่าเรากล่าวหาโรงแรม จากประโยคที่เขียนว่าคนเสียหายที่สุด คือ “โรงแรม”

หมออยากให้เข้าใจว่า ความสูญเสียบางอย่างตีเป็นมูลค่าไม่ได้ คุณแม่หมอ สูญเสียโทรศัพท์ 2 เครื่อง ที่เป็นของคุณพ่อและคุณแม่ ภาพความทรงจำถึงคนที่จากไปทั้งหมดอยู่ในนั้น แบบที่มันเรียกคืนมาไม่ได้ ยังไม่รวมถึงแหวน นาฬิกา แทนใจที่คุณพ่อให้คุณแม่ไว้ตอนมีชีวิตอยู่

หมอและสามี ที่เป็นอาจารย์โรงเรียนแพทย์ เสียข้อมูลที่เราต้องใช้สอน ทำวิจัย ไปกับคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง ซึ่งเรื่องนี้สำหรับเรา มันเป็นเรื่องใหญ่มากๆ ที่นึกถึงทีไรก็อยากร้องไห้ทุกที 

สามีที่เป็นหมอผ่าตัด อาจใช้งานมือข้างขวาที่บาดเจ็บไม่ได้ไปอีกพักใหญ่ ลูกสาวหมอ สูญเสียของเล่น ตุ๊กตา สมุดบันทึกที่เค้ารักมาก 

ตอนนี้หมอกระดูกสันหลังยุบ ต้องใส่เสื้อเกราะ ขับรถไม่ได้ไปอีกหลายเดือน ยังไม่รู้ว่าจะมีปัญหาการปวดหลังเรื้อรังระยะยาวมั้ย 

ที่สำคัญ ไม่อยากนึกเลยว่าที่หมอและสามีต้องตกลงมา เพราะรั้วระเบียงที่เป็นไม้ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดี แล้วถ้ากระดูกหลังหักจนพิการ มันจะเจ็บปวดขนาดไหน หรือถ้าเราตกมาสลบทั้งคู่ ลูกที่ติดอยู่บนนั้น จะทำอย่างไร? สิ่งเหล่านี้ มันตีค่าเป็นมูลค่าไม่ได้จริงๆ 

ที่สำคัญคือ เราเสียเงินมารีสอร์ท เพราะต้องการมามีความสุข ไม่ใช่มาหนีตายกันแบบแทบเอาชีวิตไม่รอด จนหลายคนตอนนี้ยังนอนไม่ได้ เพราะมีภาพไฟหลอนอยู่ตลอด 

สำหรับเรื่อง “คดีพลิก” ว่าอาจไม่ใช่ความผิดของโรงแรม ตอนเหตุการณ์ไฟไหม้ เป็นเวลาประมาณ 6 โมงกว่าๆ เราทุกคนยัง “ไม่มีใครตื่น” บ้านเราไม่มีใครสูบบุหรี่ ไม่ได้มีปาร์ตี้ ไม่ได้มีปิ้งย่างใดๆ (มีคนส่งมาให้ดูว่ามีคน (แอบอ้าง?) เป็นพนักงานโรงแรมเขียนคอมเมนท์ว่าสืบแล้วบอกว่า อาจเกิดจากบุหรี่?? เอิ่ม อย่าใช้วิธีแบบนี้เลยนะคะ)

โชคดีตอนกำลังจะหนีไฟลงมาจากชั้น 2 หมอหันไปถ่ายรูปกองเพลิงขนาดใหญ่ไว้ เผื่อโรงแรมจะใช้เป็นหลักฐานว่าไฟเริ่มจากตรงไหน ซึ่งส่วนที่เพลิงไหม้นั้น คือพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นห้องนั่งเล่น ลามไปปิดบันไดลงด้านล่างไว้ ทำให้หมอต้องหนีตายมาทางหลังคาด้านข้าง ไม่คิดว่าภาพนี้สุดท้ายจะต้องมาใช้มาเป็นหลักฐานปกป้องตัวเอง 

คดีนี้ ถ้าจะพลิก ก็คงจากเงินและอิทธิพลจริงๆ หมอขอบคุณที่ทางโรงแรมช่วยเหลือเรื่องค่ารักษาพยาบาลของหมอแบบไม่มีข้อต่อรองใดๆ นะคะ 

เราก็ได้แต่หวังว่า โรงแรมจะช่วยรับผิดชอบกับทรัพย์สินที่เราสูญเสียไปแบบตรงไปตรงมา 

เอาจริงๆ กรณีแบบนี้ ถ้าเป็นฝรั่งคงฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกันแบบบานตะไทแน่ๆ เราก็ไม่ได้อยากไปให้ถึงจุดนั้น เพราะไม่ว่าเท่าไหร่ มันก็ไม่คุ้มกับชีวิตที่ต้องเป็นอันตรายของพวกเราจริงๆ (แต่การตอบสนองแบบนี้ นี่เริ่มคิดนิดๆละ เผื่อจะได้เลิกทำงานงกๆ กะเค้ามั่ง) 

นอกจากนี้หมอโอ๋ยัง อธิบายเรื่องที่มีคนบอกว่าหมอโอ๋รวย นอนพักวิลล่าคืนละ 500,000  บาทว่า ส่วนใหญ่น้องชายของหมอ ที่เป็นนักธุรกิจป็นคนช่วยจ่ายหลัก

ที่มา :  https://www.facebook.com/takekidswithus/photos/pcb.3114099622240702/3114099555574042

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า