สภาลงมติตั้ง กมธ.ฟังความเห็นนักศึกษา ฝ่ายค้านไม่ร่วมชี้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องรับฟังเองโดยตรง

ทั้งนี้ในระหว่างให้แต่ละพรรคเสนอกรรมาธิการในสัดส่วนของตนเอง พรรคฝ่ายค้านทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย และพรรคประชาชาติ ขอใช้สิทธิไม่เสนอชื่อ โดยนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคไม่เสนอชื่อเพราะ 1.แม้เราเชื่อมั่นในระบอบรัฐสภา แต่เห็นว่าการตั้ง กมธ.มารับฟังเป็นการเพิ่มขั้นตอน สภาไม่ควรเป็นบุรุษไปรษณีย์ ควรให้รัฐบาลได้รับฟังโดยตรง 2. การตั้ง กมธ.วิสามัญเป็นการทำงานซ้ำซ้อนกับ กมธ.สามัญพัฒนาการเมืองที่ทำอยู่แล้ว รวมทั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ 3. คณะทำงานที่ตั้งขึ้นมาทำงานแค่รับฟังแค่ 1-2 ครั้ง ไม่ควรตั้งขึ้น

ส่วนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า เหตุผลในการไม่เสนอชื่อ คือ 1.ข้อเรียกร้องของนักศึกษาส่งชัดเจนถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีต้องเป็นผู้ตอบ 2. การตั้งไม่เกิดประโยชน์เป็นการประวิงเวลา เรียกร้องให้นายกฯ ไปฟัง และหยุดคุกคามนักศึกษา ประชาชน 3. เรื่องสิทธิมนุษยชน ไม่ควรจำกัดแค่ในสภาและระยะเวลา 90 วัน ขอให้นายกฯ ไปพูดคุยและรับฟังบนท้องถนน เราไม่ร่วม กมธ.ที่เตะถ่วงปัญหา ขอให้โชคดีนะครับ

ขณะที่ น.ส.นภาพร เพ็ชร์จินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ไม่เสนอชื่อเพราะไม่ต้องการเป็นนั่งร้านสร้างความชอบธรรมให้กับคู่ขัดแย้งของนักศึกษา เช่นเดียวกับ นายสมมุติ เบ็ญจลักษณ์ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาชาติ ที่ระบุว่า พรรคยึดหลักการเช่นเดียวกับ 3 พรรคฝ่ายค้าน

ทั้งนี้ นายศุภชัย กล่าวว่า ตนไม่มีประสบการณ์ ที่มีการไม่เสนอชื่อกรรมาธิการ จึงขออนุญาตว่างไว้ก่อน เผื่อทางวิปทั้ง 2 ฝ่ายปรึกษาหารือกัน

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น ส.ส.ทั้ง 2 ฝ่ายได้อภิปรายตอบโต้กัน โดย ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล เช่น นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ไม่เห็นด้วยที่ ส.ส.ฝ่ายค้านอภิปรายว่าการตั้ง กมธ. เป็นการช่วยรัฐบาล ซึ่งจะทำให้เกิดการเข้าใจผิดเพราะเจตนาคือต้องการให้สภาเข้ามามีบทบาทในการร่วมแก้ปัญหา เป็นการทำหน้าที่ผู้แทนปวงชนชาวไทย ไม่ใช่เป็นการเตะถ่วง เป็นการทำหน้าที่ของคนที่เป็นห่วงอนาคตของชาติ

ด้านนายชินวรณ์ บุญเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า 1.เราเชื่อมั่นความคิดคนรุ่นใหม่ จึงต้องการเปิดพื้นที่ใน กมธ.ให้ได้มาแสดงความเห็นร่วมกัน เป็นการหาทางออกในระบอบประชาธิปไตยโดยใช้สันติวิธี 2. การตั้ง กมธ.วิสามัญ เป็นไปตามกลไกเมื่อมีมติเสียงข้างมากต้องเคารพ ทุกฝ่ายมีสิทธิ์ตั้ง กมธ. ถ้าไม่ใช้สิทธิ์ก็ไม่เป็นไร ยืนยันว่าไม่ได้เป็นเกมการเมือง รัฐสภาเป็นที่พึ่งประชาชน 3. ตนได้ติดตามข้อเรียกร้องของนักศึกษาทั้ง 3 ข้อ ข้อเสนอไม่เพียงพอไม่มากพอที่จะประมวลความเห็นในการหาทางออก การตั้ง กมธ. จะเป็นส่วนหนึ่งในการเป็นทางออก

ส่วนนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ อธิบายเหตุผลของการตั้ง กมธ.วิสามัญว่า มีนักเรียน นิสิต นักศึกษา มีจำนวน 4 แสนคน ทั่วทั้งประเทศ เรามีภารกิจต้องไปฟังให้ทั่วถึงเพื่อไปเสนอต่อรัฐบาล การตั้ง กมธ.วิสามัญ เป็นขั้นตอนของรัฐสภาที่ถูกต้องทุกประการ การที่อยู่ดีๆ อภิปรายแล้วส่งไปเลย โดยเอาคำอภิปรายของเฉพาะ ส.ส. ไม่สอดรับกับการไปรับฟังความคิดเห็นของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และผู้ที่เกี่ยวข้อง ประชาชนที่รับฟังอยู่จะต้องเข้าใจว่า การตั้ง กมธ.ชุดนี้ตั้งอย่างถูกต้องทุกประการไม่ใช่เป็นการไปเตะถ่วงใดๆ อย่างที่ถูกกล่าวหาทั้งสิ้น อยากฝากประชาชนให้ติดตามการทำงานของ กมธ. ชุดนี้ มั่นใจว่าจะได้ฟังความคิดเห็นของนักศึกษาได้ทั่วทุกท่าน ไม่ใช่เฉพาะนักศึกษาบางกลุ่มบางเหล่า ที่ไปเกี่ยวข้องกับบางกลุ่มบางเหล่า