SHARE

คัดลอกแล้ว

กสศ. ร่วมกับ ภาคเอกชน เปิดตัวแคมเปญ มื้อนี้พี่เลี้ยง ระดมความร่วมมือบรรเทาภาวะขาดสารอาหารของนักเรียนยากจนพิเศษหลังโควิด-19  หลังพบข้อมูลจากระบบติดตามผล iSEE ชี้ว่า มีนักเรียนยากจนพิเศษกว่าแสนคนมีภาวะขาดสารอาหาร แพทย์หวั่นกระทบทั้งพัฒนาการและการเรียนรู้ระยะยาว

กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมกับ ภาคเอกชน อาทิ แกร็บ ประเทศไทย , เกรฮาวด์ คาเฟ่ ,เครือบริษัทแสงทองสหฟาร์มและอัครา กรุ๊ป จำกัด, บริษัท ซีวา แอนิมัล เฮลธ์ (ประเทศไทย) จำกัด  และบริษัท เงินติดล้อ จำกัด ร่วมเปิดตัวแคมเปญ “มื้อนี้พี่เลี้ยง” ระดมความร่วมมือพัฒนาระบบอาหารเพื่อยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ให้แก่เด็กนักเรียนยากจนพิเศษ

นายสุภกร บัวสาย ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กล่าวว่า  สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบไปทุกด้าน นอกเหนือจากทุนเสมอภาคที่กสศ.ได้จัดสรรให้แก่นักเรียนยากจนพิเศษกว่า 8 แสนคนๆละ 2,000 บาท ในภาคเรียนที่หนึ่ง ปีการศึกษา 2563 เพื่อบรรเทาอุปสรรคภาระค่าใช้จ่ายในการมาเรียน ล่าสุดได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนชั้นนำ เปิดตัวแคมเปญ “มื้อนี้พี่เลี้ยง” ร่วมมือพัฒนาระบบอาหารเพื่อยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ให้แก่เด็กนักเรียนยากจนพิเศษ  เพื่อเร่งแก้วิกฤตขาดสารอาหารให้กับเด็กนักเรียนยากจนพิเศษราว 1 แสนคน โดยสาเหตุมาจากความยากจนและผลกระทบด้านเศรษฐกิจจากวิกฤตโควิด-19  ปัญหานี้เป็นปัญหาสะสมจากความขาดแคลนของครอบครัว ภาวะความเร่งรีบในการประกอบอาชีพที่ทำให้ผู้ปกครองไม่มีเวลาเตรียมอาหารที่มีโภชนาการที่ดีให้เด็ก รวมถึงการขาดความรู้ด้านโภชนาการ

“กสศ.ได้ใช้ระบบสารสนเทศเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาหรือระบบ iSEE ติดตามอัตราการเจริญเติบโตของนักเรียนยากจนพิเศษระดับชั้นประถมศึกษา–มัธยมศึกษาตอนต้น ที่ได้รับการจัดสรรเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษอย่างมีเงื่อนไข (Conditional Cash-Transfer: CCT) หรือทุนเสมอภาค ตั้งแต่ปีการศึกษา 2562 โดยเปรียบเทียบน้ำหนักและส่วนสูงตามเกณฑ์แสดงการเจริญเติบโตของเด็กอายุ 5-18 ปี ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข  พบว่า  มีนักเรียนยากจนพิเศษที่มีภาวะขาดสารอาหาร ราวหนึ่งแสนคน โดยเป็นนักเรียนยากจนพิเศษที่มีน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์อายุ (ผอม) จำนวน 46,053 คน (6.6 % ของนักเรียนยากจนพิเศษ) และน้ำหนักค่อนข้างน้อยจำนวน 54,108 คน (7.8 % ของนักเรียนยากจนพิเศษ) โดยส่วนใหญ่เป็นนักเรียนในระดับประถมศึกษา ราว 73 เปร์เซ็นต์ ” นายสุภกร

นักเรียนยากจนพิเศษที่มีภาวะขาดสารอาหาร ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล และพบมากที่สุดในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ นราธิวาส นครราชสีมา เชียงใหม่ บุรีรัมย์ และขอนแก่น เด็กกลุ่มนี้ประสบภาวะขาดสารอาหารเป็นระยะเวลานาน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความยากไร้ขัดสน การขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโภชนาการของครอบครัว และความเร่งรีบในการประกอบอาชีพส่งผลให้ผู้ปกครองไม่สามารถจัดสรรอาหารเช้าที่มีคุณค่าให้กับเด็กๆ ได้  ทำให้กระทบต่อการเจริญเติบโตของเด็กทั้งทางร่างกายและสติปัญญา รวมถึงประสิทธิภาพในการเรียนรู้ลดลง  ซึ่งหนึ่งในภารกิจตามกฎหมายของกสศ. คือการเชื่อมโยงความร่วมมือของทุกภาคส่วนเพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา โดยที่ปัญหาเรื่องความมั่นคงทางอาหารก็เป็นหนึ่งในเสาหลักสำคัญของการสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาด้วย ทางกสศ.ยังได้ประสานข้อมูลกับกระทรวงสาธารณสุขซึ่งอยู่ในคณะกรรมการบริหารของกสศ.และดูแลเรื่องนี้โดยตรง เพื่อตรวจสอบข้อมูลให้แน่ชัดและหาแนวทางช่วยเหลืออย่างยั่งยืนต่อไป

สำหรับแคมเปญมื้อนี้พี่เลี้ยง เป็นหนึ่งในโครงการระดมความร่วมมือพัฒนาระบบอาหารเพื่อยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ให้แก่เด็กนักเรียนยากจนพิเศษของกสศ.ซึ่งมีทั้งภาคประชาชน ภาคธุรกิจเอกชน เข้ามาร่วมสนับสนุน ทั้งในรูปแบบแพลตฟอร์มการรณรงค์รับบริจาคออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงการสนับสนุนทรัพยากรในรูปของเงินบริจาคและอาหาร ให้แก่กลุ่มโรงเรียนที่มีนักเรียนยากจนและยากจนพิเศษ 100% ซึ่งจากระบบ isee รายงานว่ามีอยู่ราว 500 โรง ซึ่งโครงการนี้จะมุ่งไปยังโรงเรียนที่มีนักเรียนภาวะขาดสารอาหารจำนวนมาก เพื่อให้เด็กๆได้รับประทานอาหารเช้าที่มีคุณค่าตามโภชนาการตลอดปีการศึกษา 2563 เบื้องต้นจะส่งความช่วยเหลือไปยังนักเรียน 1,000 คนแรกที่อยู่ในภาวะวิกฤตก่อนขยายผลต่อเนื่อง นอกจากนี้กสศ. จะมีการสำรวจเชิงลึกเกี่ยวกับสภาพปัญหาที่แท้จริงของทั้ง 500 โรงเรียนดังกล่าว ซึ่งอาจมีมิติปัญหาด้านอื่นๆของความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาเพื่อช่วยเหลือได้อย่างตรงจุดต่อไป

รศ.พญ.ลัดดา เหมาะสุวรรณ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า แม้ประเทศไทยประสบความสำเร็จในการขจัดปัญหาขาดสารอาหาร ภาวะโภชนาการพร่องลด น้อยลง แต่ยังพบเด็กน้ำหนักน้อยและเตี้ยในเด็กยากจนด้อยโอกาส คาดว่ามีเด็กที่มีปัญหาเรื่องขาดสารอาหารจำนวนหลายแสนคน หากไม่ทำอะไรจะเป็นเด็กมีปัญหาไม่มีคุณภาพ และผลการศึกษาระบุว่า เด็กที่ขาดสารอาหารจะเรียนไม่จบ จากข้อมูล พบว่าเด็กที่มีภาวะเตี้ยน่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น  โดยภาวะขาดสารอาหารเด็กกลุ่มที่ยากจนมีความเสี่ยงมากเพราะช่วยเหลือตัวเองได้ยาก สังคมและชุมชนต้องมีส่วนเข้าไปช่วยเหลือไม่เช่นนั้นจะไม่มีทางแก้ไขปัญหาได้

“เด็กต้องการสารอาหารที่มีคุณค่าตามโภชนาการเพื่อการเจริญเติบโตด้านร่างกายและสติปัญญา เช่น ธาตุเหล็ก ไอโอดีน ถ้าเด็กได้ธาตุเหล็กไม่เพียงพอตัวจะซีด เป็นโรคโลหิตจาง ส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้ สมาธิและความจำไม่ดี การเรียนรู้มีปัญหา ไม่มีประสิทธิภาพในการคิดวิเคราะห์ นอกจากนี้ยังเจ็บป่วย ขาดเรียนบ่อย เรียนไม่รู้เรื่อง ผลการเรียนไม่ดี ถ้าอดอาหารนานเหมือนกินตัวเองไปเรื่อยๆ ร่างกายไม่เจริญเติบโต ดังนั้นหากขาดสารอาหารนานๆจะมีผลทำให้ร่างกายผอมและเตี้ย” รศ.พญ.ลัดดา กล่าว

นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า ด้วยพันธกิจของแกร็บ ในการส่งเสริมและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมไปถึงการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการปลดล็อคและทลายข้อจำกัดต่าง ๆ เพื่อสร้างโอกาส ยกระดับคุณภาพชีวิต แก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือแก่ผู้คนในสังคม รวมไปถึงกลุ่มเด็กและเยาวชน จึงได้เกิดเป็นความร่วมมือกับ กสศ. ซึ่งเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการเป็นตัวกลางและช่องทางการระดมทุมช่วยเหลือน้องๆ ผู้ด้อยโอกาสผ่านร้านอาหารเสมือนจริง (Virtual Store) ภายใต้ชื่อ “ทุพโภชนา” บนแพลตฟอร์ม GrabFood โดยผู้ใช้บริการแกร็บทุกท่านสามารถมีส่วนร่วมในการส่งต่อมื้ออาหารที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการให้แก่เด็กนักเรียนยากจนพิเศษ ผ่านแนวคิด #มื้อนี้พี่เลี้ยง ซึ่งผู้บริโภคสามารถร่วมเปลี่ยนมื้ออาหารของน้องๆ ผ่านการสั่งเมนูอาหารในร้านทุพโภชนา โดยจำนวนเงินค่าอาหารจะถูกรวบรวมเพื่อมอบเป็นทุนค่าอาหารให้แก่น้อง ผ่านการบริจาคได้ตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน ถึง 31 ตุลาคม 2563 นี้ เป็นระยะเวลา 2 เดือน

นายฐิติภูมิ วงศ์เกียรติขจร  ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและพัฒนาธุรกิจ บริษัท เกรฮาวด์ คาเฟ่ จำกัด กล่าวว่า เรามองเห็นความสำคัญของแพลตฟอร์มการรับบริจาค ของ กสศ. ว่าเราเป็นแบรนด์หนึ่งที่มีส่วนร่วมในการทำความดีครั้งนี้ได้อย่างสร้างสรรค์ จึงเกิดเป็นเมนูพิเศษภายใต้โครงการ The Empty Plate Project ที่ทาง Greyhound Café คิดขึ้นมานำเสนอ จากแนวคิดที่ว่า “เปลี่ยนมื้ออดให้เป็นมื้ออิ่ม” เราสร้างสรรค์เมนูพิเศษที่คุณสามารถ “สั่งทางนี้ อิ่มทางโน้น” เงินค่าอาหารที่คุณสั่งจะถูกส่งไปสมทบโครงการมื้ออาหารเช้าสำหรับเด็กที่ขาดแคลน สิ่งเดียวที่เราจะเสิร์ฟให้คุณคือจานเปล่าซึ่งมีคำขอบคุณจากน้องๆ สู่คุณ โดยเมนูพิเศษของเด็กๆ ที่เราคิด จะมาพร้อมกับคำบรรยายที่เขียนเล่าเรื่องราวถึงความน่ากิน ความอร่อย และแต่ละเมนูมีความสำคัญต่อเด็กอย่างไรในเชิงโภชนาการ

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า