SHARE

คัดลอกแล้ว

บทสรุปของคดีฉาวที่สุดแห่งปีในฝรั่งเศส จบลงด้วยคำตัดสินของศาล สั่งจำคุก 20 ปี อดีตสามีที่ก่อเหตุวางยาและชักชวนชายอื่นมาร่วมข่มขืนภรรยาตัวเองนับสิบปี

คดีนี้ถือเป็นคดีที่สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับสังคมฝรั่งเศส จนถึงกับจุดชนวนให้เกิดการถกเถียงขึ้นมาถึงสิทธิแท้จริงของผู้หญิงในการจัดการกับปัญหาความรุนแรงทางเพศที่พวกเธอต้องเผชิญ ในขณะที่คนบางส่วนยังคงยึดติดกับแนวคิดชายเป็นใหญ่ 

เรื่องราวที่เกิดขึ้นมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เราสรุปให้ตั้งแต่ต้นจนจบ ในโพสต์เดียว 

 1) จีเซล เปลิโกต์ หญิงชาวฝรั่งเศสวัย 72 ปี ใช้ชีวิตคู่กับสามี โดมินิก เปลิโกต์ มาร่วม 50 ปี ตลอดเวลาที่ผ่านมา ครอบครัวเปลิโกต์ดูเป็นครอบครัวที่อบอุ่น ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 3 คน และหลานๆ อีก 7 คน จีเซลมักจะพูดกับคนอื่นอยู่เสมอๆ ว่า เธอโชคดีมากที่มีโดมินิกเป็นคู่ชีวิต 

 2) เพราะทั้งคู่ผ่านเรื่องราวต่างๆ ด้วยกันมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางการเงินที่เกิดขึ้นหลายครั้ง หรือแม้แต่ในช่วงที่จีเซลมีปัญหาหนักในที่ทำงานช่วงกลางทศวรรษที่ 1980 โดมินิกก็เป็นคนที่อยู่ข้างเธอ และพาเธอผ่านพ้นอุปสรรคเหล่านั้นมาได้

3) จนราวๆ ปี 2011 จีเซลซึ่งอยู่ในวัยใกล้เกษียณ ก็เริ่มมีความรู้สึกว่า ร่างกายของเธอน่าจะมีอะไรไม่ปกติ เพราะเธอรู้สึกว่าตัวเองนอนมากเกินไป บางทีก็มีอาการหลงๆ ลืมๆ ขึ้นมากะทันหัน ประกอบกับมีผมร่วง น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ

จีเซลอธิบายว่า อาการป่วยของเธอบางครั้งทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับว่าหมดสติไปเลย

4) ระหว่างนั้น โดมินิกยังคงทำตัวเป็นสามีที่ดี เขาพาจีเซลไปหาหมอ โดยบอกเธอว่า เธออาจจะเป็นอัลไซเมอร์ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับเนื้องอกในสมอง 

จนทั้งสองคนเกษียณอายุในปี 2013 โดมินิกก็ยังดูแลจีเซลตลอดมา พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองเล็กๆ ที่มีชื่อว่า มาซ็อง ทางใต้ของฝรั่งเศส 

5) แต่แล้วเรื่องที่เป็นฝันร้ายที่สุดในชีวิตของจีเซลก็ถูกเฉลยออกมา ในปี 2020 โดมินิกถูกตำรวจจับหลังจากพยายามแอบถ่ายคลิปใต้กระโปรงผู้หญิง ตำรวจยึดโทรศัพท์ของเขามาตรวจสอบ และขยายผลไปถึงการตรวจค้นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่บ้านของเขา จนได้พบกับสิ่งที่น่าตกตะลึง คือภาพถ่ายและคลิปวิดีโอหลายร้อยภาพ ที่ถูกบันทึกไว้ในขณะที่โดมินิก และชายแปลกหน้าคนอื่นๆ กำลังกระทำชำเราร่างกายของจีเซลที่ดูเหมือนจะหมดสติอยู่

โดยทั้งรูปถ่ายและคลิปวิดีโอทั้งหมด ถูกเก็บไว้ในโฟลเดอร์ที่ถูกตั้งชื่อว่า abuse’ หรือแปลเป็นไทยว่า ‘ล่วงละเมิด’ มีจัดการระเบียบ ระบุวันที่ไว้อย่างเรียบร้อย 

6) ที่น่าตกใจกว่านั้น คือนอกจากจะมีรูปและคลิปของจีเซล ปรากฏอยู่ในหลักฐานที่ตำรวจไปพบแล้ว ยังมีภาพเปลือยของลูกสาว และลูกสะใภ้ ที่โดมินิกเป็นคนแอบถ่ายเก็บเอาไว้ด้วย 

7) นอกจากนี้ ตำรวจยังพบหลักฐานที่เป็นข้อความเชิญชวน ที่โดมินิกส่งให้คนแปลกหน้ามาร่วมล่วงละเมิดทางเพศภรรยาของเขาด้วย โดยโดมินิกระบุชัดเจนเลยว่า เขาวางยาภรรยาของตัวเอง  

8) ทำให้ตำรวจตัดสินใจเชิญจีเซล ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ นอกจากอาการไม่ปกติที่เข้าใจว่าเป็นปัญหาสุขภาพ มารับทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น 

ในตอนแรกจีเซลดูเหมือนจะยังไม่เชื่อ และยืนยันว่าสามีของเธอเป็นคนดี จนกระทั่งได้เห็นหลักฐานทั้งหมดจากตำรวจ โลกทั้งใบของเธอก็แตกสลายลงทันที 

จีเซลออกมาเปิดเผยในภายหลังว่า วันที่เธอไปสถานีตำรวจ สำหรับเธอแล้ว เป็นวันที่ทุกอย่างพังทลายไปหมด “ฉันเดินออกมาจากสถานีตำรวจ และกลับไปเก็บทุกความทรงจำตลอด 50 ปีระหว่างฉันกับเขาลงในกระเป๋าเดินทาง 2 ใบ และตัดสินใจฟ้องหย่าโดมินิกทันที” 

9) เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนอกจากจะสร้างบาดแผลในจิตใจของจีเซลแล้ว เธอยังได้รับผลกระทบทางร่างกายอย่างแสนสาหัส โดยหลังจากที่รู้เรื่องทั้งหมด จีเซลไปเข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างละเอียด และพบว่าเธอเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หลายโรค 

จีเซลถึงกับอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเธอว่า “ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่มีตัวตนอีกต่อไป และก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า จะสร้างตัวตนขึ้นมาใหม่ได้หรือไม่” 

10) ส่วนโดมินิก เขาให้การสารภาพกับตำรวจว่าเป็นคนวางยาและชวนคนแปลกหน้ามาล่วงละเมิดทางเพศจีเซลจริง แต่ปฏิเสธว่าไม่เคยทำร้าย หรือล่วงละเมิดลูกสาว และลูกสะใภ้ของตัวเองเลย 

11) โดมินิกเล่าว่า เขาทำแบบนี้มาตั้งแต่ปี 2011 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่จีเซลรู้สึกว่าตัวเองป่วย โดยใช้วิธีวางยาให้จีเซลขาดสติ เพื่อให้เธอทำสิ่งที่เขาต้องการ อย่างเช่น ให้เธอสวมเสื้อผ้าแปลกๆ ทำตามคำสั่งของเขา และชวนชายแปลกหน้ารวมๆ กันแล้วถึง 90 คนมาข่มขืนเธอ 

โดยคนเหล่านี้ เป็นคนที่เขารู้จักจากเว็บไซต์ coco.gg ซึ่งเป็นเว็บไซต์สายมืดที่ตำรวจฝรั่งเศสบอกเลยว่า เว็บไซต์นี้มีความเกี่ยวข้องกับคดีความต่างๆ หลายหมื่นคดี ก่อนที่เพิ่งจะถูกสั่งปิดไปเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมานี่เอง 

12) ส่วนยาที่โดมินิกนำมาใช้วางยาจีเซล เขาบอกว่าเป็นยานอนหลับชนิดหนึ่ง ที่ไปขอมาจาก โจเอล เปลิโกต์ พี่ชายแท้ๆ ของเขาที่เป็นหมอ ซึ่งตอนหลังได้มาเป็นพยานในคดีนี้ด้วย โดยโจเอลบอกกับศาลว่า เขาเข้าใจว่า โดมินิก ขอยามาใช้เพราะอาการนอนไม่หลับของตัวเองและจีเซล เลยไม่ได้สงสัยอะไร 

13) แต่สิ่งที่โดมินิกทำก็คือ เขาให้จีเซลกินยานอนหลับทุกวัน วันละ 3-10 เม็ด เพื่อให้เธอหมดสติ และก็ให้ชายแปลกหน้าเหล่านั้นเข้ามาล่วงละเมิดเธอในห้องนอน 

โดยมีข้อแม้ว่าทุกคนจะต้องทำตามกฎที่เขาตั้งไว้ คือ ให้มารอใกล้ๆ บ้าน จนกว่าจีเซลจะหมดสติถึงจะเข้ามาในบ้านได้ 

เมื่อเข้ามาแล้ว ก็จะต้องไปถอดเสื้อผ้าไว้ในห้องครัว ห้ามฉีดน้ำหอม หรือสูบบุหรี่เด็ดขาด เพื่อไม่ให้มีกลิ่นแปลกๆ ที่อาจทำให้จีเซลสงสัยตอนฟื้นขึ้นมา นอกจากนี้ ยังห้ามไม่ให้พูดคุยกันเสียงดังขณะอยู่ในบ้าน และต้องอุ่นมือก่อนเข้าไปในห้องนอนด้วย 

14) โดมินิกอธิบายว่า เหตุผลที่เขาทำแบบนี้กับภรรยาตัวเอง เป็นเพราะปมในวัยเด็ก ที่เขาเคยถูกทารุณกรรม และล่วงละเมิดทางเพศมาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ และเคยถูกบังคับให้อยู่ในเหตุการณ์ความรุนแรงทางเพศเมื่อตอนอายุ 14 ปี 

โดมินิกบอกว่าเหตุการณ์นั้นเป็นรอยแผลฝังลึกอยู่ในใจของเขามาตลอด และเป็นสาเหตุที่ทำให้เขามีรสนิยมแบบนี้ โดยเขาอธิบายว่า สิ่งที่เขาต้องการก็คือ อยากปราบผู้หญิงที่ดื้อรั้นให้อยู่หมัด แต่ไม่อยากทำให้เธอต้องทรมาน ซึ่งเขายอมรับเองว่า ความคิดนี้เป็นความเห็นแก่ตัวของเขา ส่วนผู้ชายคนอื่นๆ ที่เขาชวนมาร่วมด้วยก็ล้วนแต่เต็มใจมาเองทุกคน 

15) คำรับสารภาพของโดมิกนิก ทำให้ตำรวจพยายามตามหาผู้ร่วมก่อเหตุ และจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 50 คน มีอายุตั้งแต่ 26-74 ปี และมาจากหลากหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็น ช่างประปา นักข่าว บุรุษพยาบาล ที่ปรึกษาด้วยไอที คนขับบรรทุก และอาชีพอื่นๆ 

ผู้ต้องหาหลายคนอ้างว่า พวกเขาไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับการวางยาจีเซล โดมินิกบอกเพียงว่าภรรยาของเขาแค่แกล้งหลับเฉยๆ บางคนก็บอกว่า คิดว่านี่เป็นการยินยอมของจีเซลเอง แต่ศาลมองว่าเป็นไปไม่ได้ที่ผู้ต้องหาที่เห็นสภาพเหยื่อแล้ว จะไม่รู้ว่าเหยื่อถูกวางยา ทำให้ทั้งหมดถูกตัดสินจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี 

ในจำนวนผู้ต้องหาทั้งหมดนี้ มี 46 คนถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาข่มขืน 2 คนมีความผิดข้อหาพยายามข่มขืน และอีก 2 มีความผิดข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ  ซ้ำร้ายกว่านั้น ยังมีหนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกระบุว่า ชวนโดมินิกไปข่มขืนภรรยาของตัวเองที่ถูกมอมยาแบบเดียวกับจีเซลด้วย

16) คดีนี้ถือว่าเป็นคดีสะเทือนขวัญ และน่าหดหู่มากจริงๆ เพราะเป็นการทำร้าย ล่วงละเมิดทางเพศ ที่เกิดขึ้นจากคนในครอบครัว หรือถ้าให้พูดจริงๆ เลยก็คือ คนที่ควรจะเป็นคนที่ไว้วางใจได้มากที่สุด

17) แน่นอนว่าสำหรับจีเซลแล้ว คงไม่มีความเจ็บปวดไหนมากไปกว่าความเจ็บปวดที่เธอได้รับในครั้งนี้อีกแล้ว แต่ในขณะเดียวก็ถูกมองว่าเป็นคนกล้าหาญ ที่ยอมเปิดเผยการพิจารณาคดีนี้ต่อสาธารณชน ทั้งๆ ที่เธอมีสิทธิ์ที่จะปิดคดีนี้เป็นความลับ

แม้จีเซลจะยืนยันว่า สิ่งที่เธอทำไม่ใช่ความกล้าหาญ เพียงแต่เธอต้องการผลักดันให้ประเด็นเรื่องความรุนแรงทางเพศที่เกิดขึ้นในสังคมก้าวไปข้างหน้า และการต่อสู้ครั้งนี้ของเธอ ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อตัวเธอ แต่เป็นการต่อสู้เพื่อเหยื่อทุกคน 

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจากความกล้าหาญอันยิ่งใหญ่ที่ปรากฏให้เห็นแล้วในเวลานี้ คือคดีของจีเซลได้จุดประกายให้มีการตั้งคำถามถึงสิทธิของผู้หญิง และการปกป้องพวกเธอจากความรุนแรงทุกรูปแบบ 

หรือแม้แต่การกระตุ้นให้ผู้หญิงเข้าใจและปกป้องสิทธิของตัวเอง เหมือนกับที่จีเซลกล่าวในแถลงการณ์สุดท้ายหลังศาลอ่านคำตัดสินเมื่อวานนี้ (19 ธ.ค.) ว่า “สิ่งที่ฉันต้องการคือ อยากให้ผู้หญิงทุกคนที่เป็นเหยื่อบอกกับตัวเองว่า มาดามเปลิโกต์ยังทำได้เลย พวกเราก็ทำได้เหมือนกัน ฉันไม่ต้องการให้พวกเธอรู้สึกอาย เพราะไม่ใช่พวกเราที่ควรจะอาย แต่เป็นพวกเขาที่ก่อเหตุต่างหาก” 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า