เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ฯ ตั้งเป้าพอร์ตทะลุ 1 แสนล้าน ขึ้นท็อป 5 ทุกธุรกิจในปี 2025

หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า ‘เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย)’ เป็นใคร จริงๆ แล้ว เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มธุรกิจเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด (สิงคโปร์) ที่กลุ่มไทยเบฟของ ‘เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี’ เข้าซื้อมาตั้งแต่ปี 2013

ก่อนจะนำ ‘เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย)’ เข้าซื้อกิจการของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในเครืออย่างบริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GOLD ในปี 2019

ทำให้ปัจจุบัน ‘เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย)’ เป็นบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรที่มีธุรกิจครอบคลุม 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่อยู่อาศัย (Home) กลุ่มพาณิชยกรรม (Commercial) และกลุ่มอุตสาหกรรม (Industial)

‘เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย)’ จึงประกาศโรดแมปปี 2025 ต้องการจะเป็น FPT Next 2025 ยกระดับธุรกิจสู่ “Real Estate as a Service Brand” ที่หมายถึงการขับเคลื่อนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยต่อยอดด้านนวัตกรรมการบริการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน

ตัวอย่างเช่น การส่งเสริมด้านความปลอดภัยอัจฉริยะ ระบบจดจำใบหน้า (Face Recognition) ในการเข้า-ออกพื้นที่ ระบบอำนวยความสะดวกด้านการควบคุมยานยนต์เข้า-ออกพื้นที่ ไปจนถึงติดตามการจราจรและระดับมลภาวะภายในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้านภาพรวมธุรกิจของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ในปี 2022 สร้างรายได้กว่า 16,346 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจที่อยู่อาศัย 75% คิดเป็นมูลค่า 12,259 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจอุตสาหกรรม 17% มูลค่า 2,780 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจพาณิชยกรรม 8% มูลค่า 1,307 ล้านบาท

ส่วนในปี 2023 ‘ธนพล ศิริธนชัย’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Country Chief Executive Officer) บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประกาศตั้งเป้ารายได้รวม 17,925 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจที่อยู่อาศัย 13,085 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจอุตสาหกรรม 3,405 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจพาณิชยกรรม 1,435 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าเติบโตต่อเนื่องปีละ 15% จนสามารถบรรลุเป้าหมาย 3 หมื่นล้านบาทได้ในปี 2027

ธุรกิจกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ : ปัจจุบันมีบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮมรวม 10 แบรนด์ ปีนี้ตั้งเป้าจะขยายพอร์ตโฟลิโอโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่และระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ราคา 60-120 ล้านบาท นำทัพด้วย 3 แบรนด์หลัก ได้แก่ The Royal Residence (เดอะ โรยัล เรสซิเดนซ์), Alpina (อัลพีน่า) และ The GRAND (เดอะ แกรนด์) รวมถึงมีแผนบุกตลาดคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ราคา 3-5 ล้านบาท

ธุรกิจกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม : ปัจจุบันมีพื้นที่ภายใต้บริหารจัดการกว่า 3.4 ล้านตร.ม. ในประเทศไทย อินโดนีเซีย และเวียดนาม และเตรียมส่งมอบพื้นที่ให้ลูกค้าอีกกว่า 150,000 ตร.ม. ส่งผลให้บริษัทฯ จะมีพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการรวมกว่า 3.55 ล้านตร.ม. รวมถึงยังมีเมกะโปรเจกต์เป็นเมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่บนพื้นที่ 4,600 ไร่ในจังหวัดสมุทรปราการ

default

ธุรกิจกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรม : ปัจจุบันมีโครงการมิกซ์ยูสใจกลางเมือง สามย่านมิตรทาวน์และสีลมเอจ ธุรกิจโรงแรมและอาคารสำนักงานเกรดเอที่ตั้งอยู่ในย่าน CBD ส่งผลให้มีอัตราการเช่าเฉลี่ยของทั้งพอร์ตโฟลิโอสูงกว่า 90%

ทำให้ปัจจุบันพอร์ตโฟลิโอของบริษัทฯ (วันที่ 30 ก.ย. 2565) มีมูลค่าสินทรัพย์สูงถึง 98,967 ล้านบาท และตั้งเป้าจะมีมูลค่าสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 100,000  ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าหมายในการเป็นแบรนด์ Top 5 ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งในกลุ่มที่อยู่อาศัย อุตสาหกรรม และพาณิชยกรรมอีกด้วยภายในปี 2025