เปิดมุมมอง CK “ผมไม่รอการเปลี่ยนแปลง แต่จะเข้าไปเปลี่ยนแปลงเอง”

ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศไทยมีความคืบหน้าในการลดระดับความเหลื่อมล้ำ แต่ก็ถือว่าความเหลื่อมล้ำยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งในปี 2564 ไทยอยู่เป็นอันดับที่ 13 จาก 63 ประเทศที่อยู่ในรายงานความไม่เสมอภาคทางรายได้ของประชาชน (ข้อมูลจากเวิล์ดแบงด์)

‘ความเหลื่อมล้ำ’ ที่ว่านั้นพูดว่าเป็นจุดกำเนิดเล็กๆ ของแพลตฟอร์ม Fastwork ซึ่งผู้ก่อตั้งก็คือ ‘CK Cheong’ จากความเชื่อว่าใครๆ ก็ฝันใหญ่ได้ มีเป้าหมายใหญ่ได้ แม้แต่เหล่าฟรีแลนซ์ในไทยก็ตาม

CK Cheong ได้แชร์มุมมองในหัวข้อ “The Next Frontier of Business: Boomer to Beta (B2B) in Entrepreneurship Trends” ร่วมกับผู้บริหารอีก 2 คนในงาน Future Trends Ahead Summit 2025 โดยใจความสิ่งที่ CK พูดมีความน่าสนใจหลายเรื่อง โดยเฉพาะภาวะที่ ‘ความร่ำรวย’ ยังกระจุกตัวเป็นปัญหาเรื้อรังในไทยที่เกิดขึ้นมานานจนถึงทุกวันนี้

CK พูดถึง ‘การเปลี่ยนแปลง’ ในยุคนี้ที่มันเกิดขึ้นเร็วมากๆ ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างหากอยู่ในระดับที่เร็วเกิดไป นั่นหมายถึง ‘การไร้ความมั่นคง’ ไปด้วยซึ่งเขาพูดว่า ยุคนี้อย่าถามหาความมั่นคงเพราะมันไม่มีแล้ว ขนาด อีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Tesla ก็ยังเคยถูกไล่ออกเลย 

“ผมอยากเป็นแรงขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลงในสังคม คือ ผมอยากเปลี่ยนแปลงเองมากกว่า ไม่ใช่รอคอยการเปลี่ยนแปลง” CK พูดบนเวทีสัมมนา

[ ไม่มีใครใช้คำว่า ‘ต่างจังหวัด’ กันแล้ว ]

นอกจากนี้ CK ยังได้พูดถึงคำว่า ‘ต่างจังหวัด’ เขาพูดว่า “ตอนนี้มันไม่มีใครใช้คำว่า ต่างจังหวัดแล้ว เพราะว่าในแต่ละเขตแต่ละพื้นที่มีความโดดเด่นไม่ต่างกัน แต่ทำไมเมืองไทยถึงเจริญแค่กรุงเทพฯ เพราะทุกอย่างมันกระจุกตัวแค่ที่กรุงเทพฯ หรือ?”

“ผมเชื่อว่า 60% ของคนที่นั่งฟังในงานตอนนี้ ไม่ใช่คนกรุงเทพฯ เพราะนี่คือวิถีการเงินเมื่อ 100 ปีแล้ว คือเข้ากรุงเทพฯ ทำงาน แล้วส่งเงินกลับไปให้ที่บ้าน”

เขายังได้ยกตัวอย่างสหรัฐอเมริกาว่าในแต่ละพื้นที่ แต่ละรัฐก็มีความเด่นไม่เหมือนกัน แต่ละพื้นที่มีความโดดเด่นเฉพาะของใครของมัน เช่น ถ้าพูดถึง ‘ฮอลลีวูด’ ก็จะเป็นเรื่องของการถ่ายทำภาพยนตร์ ส่วน ‘ฟลอริดา’ ก็จะเป็นเรื่องท่องเที่ยว เรื่องงานบริการที่เด่น หรือ ‘บอสตัน’ ก็คือการศึกษาที่ติดท็อปด้านนี้ มีมหาวิทยาลัยเด่นๆ ที่ขึ้นชื่อระดับโลก เป็นต้น

CK พูดเสริมว่า “คนที่เข้าไปเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ก็คือ เอกชนทั้งนั้นที่เข้าไปสร้าง ไปทำให้บ้านเกิดของตัวเองใหญ่ขึ้น ทำให้คนรู้จักมากขึ้น พอบ้านเมืองเป็นที่รู้จัก ก็จะมีคนเข้ามามากขึ้น คนเดินตลาดเยอะขึ้น ใช้จ่ายมากขึ้น”

[ จุดแข็งคนไทย = งานบริการ, จุดอ่อน = ภาษาอังกฤษ ]

สำหรับที่มาของ Fastwork ธุรกิจของ CK มีหลายเหตุผลที่ทำให้เขาตัดสินใจทำธุรกิจนี้ อย่างแรกเลยก็คือ ‘คนไทยเก่งด้านงานบริการ’ Fastwork คือ แหล่งรวมงานบริการทั้งหมดเท่าที่คิดออก

นิยามนี้ของ CK ทำให้เขาวางคู่แข่งใหญ่ที่สุดของธุรกิจตัวเอง ก็คือ ‘Google’ เพราะเขาตั้งใจว่า อยากให้ Fastwork เป็นเหมือนแหล่งที่คุณจะเสิร์ชหาทุกอย่างที่ต้องการเจอ โมเดลธุรกิจที่ผลักดันอย่างจริงจังก็คือ ‘เสิร์ชอะไรก็เจอ’

พอเจองานบริการที่ต้องการแล้ว อุปสรรคสำคัญอีกอย่าง ‘ภาษาอังกฤษ’ Fastwork ได้วางระบบที่จะเข้ามาช่วยเรื่องนี้ และไม่ได้มีแค่ภาษาอังกฤษ แต่ CK บอกว่าในอนาคตจะมีหลายภาษาเพื่อให้งานบริการสำหรับทุกคนมันง่ายขึ้น

“บ้านเราเก่งหลายอย่าง พูดเก่ง ครีเอทีฟ แต่แค่ภาษาอังกฤษอาจจะไม่เก่ง Fastwork จะทำหน้าที่แปลภาษาอื่นให้เพื่อดึงเม็ดเงินจากต่างประเทศเข้ามาในไทย”

“เรื่องราวของผมอยากให้เป็นแรงบันดาลใจที่ผู้ประกอบการ ‘กล้าเสี่ยง’ ในธุรกิจของตัวเอง อยากให้ธุรกิจตั้งเป้าหมายใหญ่ไว้ก่อน เพราะคุณต้องผลักคนข้างในให้ได้ เป้าหมายใหญ่ทำให้เรามีแรงมากพอที่จะขับเคลื่อนไปข้างหน้า”

“สิ่งที่ทำให้องค์กรขับเคลื่อน คือ ‘ความเชื่อ’ ดังนั้น คุณต้องทุ่มทุกบาททุกสตางค์เพื่อธุรกิจของคุณ หาโอกาสที่ทำให้บินได้จริงๆ ทำตามเป้ามหายใหญ่ให้ได้ ความเชื่อคือพลังที่ใหญ่กว่าที่คิด”

สิ่งที่ CK พูดย้ำบ่อยๆ บนเวที อย่างเช่น ไทยมีจุดเด่นเกี่ยวกับทรัพยากรที่สามารถส่งออกให้ต่างประเทศได้ หากเรานำเทคโนโลยีเช่นการแปลภาษา เพื่อทำให้ธุรกิจส่งสินค้าออกนอกประเทศได้มากขึ้นจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยมากกว่านี้

โดยยกตัวอย่าง ‘สิงคโปร์’ ในฐานะที่เป็นประเทศที่เล็กมาก ประชากรน้อย แถมยังไม่มีพื้นที่เพาะปลูกอะไรได้เลย จุดอ่อนของสิงคโปร์ ทำให้รัฐบาลและเอกชนผลักดันการส่งออก ‘มันสมอง’ เข้าไปแทน หมายถึงการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์, ยา, น้ำมัน, และระบบแบงก์กิ้งแบบสิงคโปร์ ที่ตอนนี้สามารถส่งออกไปทั่วโลกแล้ว

มุมมองนี้ที่ CK หยิบยกขึ้นมาพูดครั้งนี้ สะท้อนและเป็นไอเดียที่น่าสนใจสำหรับเศรษฐกิจประเทศไทย หากรัฐบาลและเอกชนสามารถต่อยอดความเก่ง ความถนัดของคนไทยได้ถูกจุด และเสริมความเก่งด้านอื่นๆ สำรองด้วย สักวันหนึ่งเราอาจจะแก้ปัญหาความรวยกระจุกได้แน่ๆ