การผลักดันเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) หรือศูนย์รวมความบันเทิงครบวงจรในประเทศไทย ยังคงเป็นประเด็นที่สร้างความเห็นต่างในสังคมมาโดยตลอด ฝ่ายหนึ่งมองว่าเป็นโอกาสในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงดูดนักท่องเที่ยว และสร้างรายได้มหาศาลให้ประเทศ
ขณะที่อีกฝ่ายยังคงตั้งคำถามถึงผลกระทบทางสังคม จริยธรรม และความพร้อมของกลไกควบคุม ไปจนถึงความเป็นห่วงเรื่องผลประโยชน์และข้อสังเกตเรื่องความไม่โปร่งใสต่างๆ ที่อาจตามมาได้
ในมุมมองของฝั่งนักลงทุนผู้ประกอบการมองเรื่องนี้ยังไง TODAY Bizview มีโอกาสพูดคุยกับผู้บริหารบริษัท Galaxy Entertainment Group จากมาเก๊า บริษัทที่เชี่ยวชาญเรื่องการทำเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์มานานว่ามีมุมมองต่อเรื่องนี้ยังไง
และอย่างที่รู้กันว่า Galaxy Entertainment Group เป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจรีสอร์ตและคาสิโนรายใหญ่ของเอเชีย (อยู่ที่มาเก๊า) ได้ออกมาแสดงท่าทีสนใจหากไทยเปิดให้มีการลงทุนใน Entertainment Complex อย่างเป็นทางการ
[ ไทยถึงเวลาแล้วที่จะมี Entertainment Complex ? ]
‘เควิน เคลย์ตัน’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายแบรนด์ กาแล็กซี รีสอร์ต ประเทศไทย เล่าให้ฟังว่า งานวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมการเล่นพนันของคนไทยเผยว่า 60% ของผู้ใหญ่ในประเทศไทยมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการพนัน โดยในประเทศไทยมีประชากรราว 6 ล้านคนที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อปัญหาติดการพนัน ขณะที่มูลค่าตลาดการพนันในประเทศไทยถูกประเมินไว้สูงถึง 33 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ปัญหานี้อยู่ในประเทศไทยมานานแล้ว อีกทั้งยังไม่มีการจัดเก็บภาษีที่จะช่วยสร้างรายได้กลับสู่เศรษฐกิจในประเทศหรือแก้ปัญหาผู้ติดการพนันไม่ก่อให้เกิดการสร้างแรงงาน และยังไม่มีระบบในการควบคุมที่จริงจัง
เข้าใจดีว่าในสังคมไทยยังมีหลายกลุ่มที่ต้องการความชัดเจนเรื่องการลงทุนเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เพราะเกรงว่าธุรกิจนี้จะทำให้เกิดปัญหาการพนันเพิ่มขึ้น หากประเทศไทยมีเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่ถูกกฏหมาย มีข้อกำหนดที่เข้มงวดชัดเจน และมีการร่วมมือกับภาครัฐในการวางระบบควบคุมที่รัดกุม ธุรกิจนี้จะสามารถสร้างรายได้ภาษีได้อย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นภาษีจากคาสิโน ภาษีจากการจ้างงานหลายหมื่นตำแหน่ง รายได้จากการท่องเที่ยว การลงทุน และยังช่วยกระตุ้น GDP ให้เติบโต
ถ้ามาดูข้อมูลการท่องเที่ยวประเทศไทย ก่อนเกิดโควิด-19 ประเทศไทยติดอันดับ 8 ของโลกในฐานะจุดหมายปลายทางยอดนิยม โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 39 ล้านคนในปี 2019
อย่างไรก็ตาม ในช่วงฟื้นตัวหลังวิกฤตโควิด ประเทศไทยยังไม่สามารถกลับสู่จุดเดิมได้ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากปัจจัยด้านค่าใช้จ่ายและความปลอดภัย ดังนั้นการมีเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์อาจจจะเข้ามาช่วยเพิ่มความน่าสนใจของประเทศ
ในกรณีของนักท่องเที่ยวจีนที่ถูกมองว่าอาจเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก ของเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ‘เควิน เคลย์ตัน’ มองว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนยังคงเดินทางไปทุกที่ที่มีคาสิโน รัฐบาลจีนไม่ได้ห้ามว่าห้ามไปที่นั่น สิ่งที่จีนสั่งห้ามคือ “ผู้จัดหานักพนัน” หรือที่เรียกว่า casino promoters คือคนที่เดินทางเข้าจีนหรือไปพูดคุยกับคนจีนที่มีฐานะร่ำรวย แล้วพาคนเหล่านั้นออกนอกประเทศไปเล่นพนัน พร้อมทั้งให้เครดิตหรือเงินทุนในการเล่นจากนอกประเทศ
ซึ่งจีนสั่งห้ามกิจกรรมแบบนั้นโดยเด็ดขาด แต่ถ้าคนจีนเดินทางไปซิดนีย์ เมลเบิร์น โซล หรือสิงคโปร์แล้วแวะไปที่คาสิโนในฐานะส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวรัฐบาลจีนไม่ได้มีปัญหากับสิ่งนั้น ปัญหาคือคนที่ทำธุรกิจพานักพนันออกนอกประเทศเพื่อไปเล่นแบบเฉพาะกิจ
ในเรื่องนี้ Galaxy Resorts Thailand จะไม่อนุญาตให้มีผู้จัดหานักพนันทำธุรกิจในเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ของเรา
[ จะทำได้คนไทยต้องรู้สึกโอเคและมีส่วนร่วม ]
สิ่งที่ผู้ประกอบการมองคือ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อประชาชนไทยรู้สึก “สบายใจและมีส่วนร่วม” ดังนั้น การสื่อสารเชิงรุกกับสาธารณชนจึงเป็นหัวใจสำคัญ รัฐบาลควรเน้นการนำเสนอข้อเท็จจริงและผลประโยชน์อย่างโปร่งใส อาทิ
-
-
-
-
- การจ้างงานนับพันตำแหน่ง
- การฝึกอบรมบุคลากรไทยล่วงหน้า
- รายได้จากนักท่องเที่ยวกลุ่มไฮเอนด์
- การคุ้มครองผู้บริโภคและป้องกันการฟอกเงิน
-
-
-
‘เควิน เคลย์ตัน’ อธิบายว่า สำคัญมาก คือ ประชาชนต้องรู้สึกสบายใจและเห็นด้วยก่อน และการจะทำให้พวกเขารู้สึกเช่นนั้น ต้องทำให้คนเข้าใจถึงขนาดของโอกาสทางการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนจากต่างประเทศที่เข้ามาใน Entertainment Complex ต้องมีความเข้าใจว่าโครงการนี้จะมอบอะไรให้กับประชาชนไทย ทั้งในด้านขอบเขต และขนาดของผลประโยชน์ ต้องมีความเข้าใจในข้อจำกัดบางประการ โดยเฉพาะเกี่ยวกับคาสิโน เช่น ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเข้าไปในคาสิโนได้ ไม่ว่าจะด้วยอายุ หรือเงื่อนไขต่างๆ เช่น ผู้ที่มีหนี้สิน หรืออยู่ในโครงการช่วยเหลือทางสังคม เป็นต้น
ดังนั้นการวางเงื่อนไขเพื่อให้แน่ใจว่าผู้คนรู้สึกปลอดภัย และไม่ได้รับอันตรายจากการพนัน
[ ห่วงผลกระทบควบคุมยังไงให้ไม่เกิดผีพนันเพิ่ม ? ]
เขาบอกว่าหน้าตา เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่ Galaxy Resorts ต้องการสร้างในกรุงเทพฯ ไม่ใช่แค่กาสิโน แต่เป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยโรงแรมระดับ 5 ดาว, ศูนย์ประชุม, แหล่งช้อปปิ้ง, โรงละคร, ร้านอาหารระดับพรีเมียม และบริการด้านความบันเทิงต่างๆ
“กาสิโนอาจเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของโครงการ แต่ไม่ใช่หัวใจหลัก แต่ธุรกิจต้องดำเนินไปอย่างมีความรับผิดชอบ โดยมีกฎเกณฑ์ชัดเจน เช่น การจำกัดสิทธิ์ในการเข้ากาสิโน เช่น ผู้มีหนี้สิน, ผู้รับสวัสดิการ ฯลฯ และการป้องกันปัญหาการพนันผ่านระบบ Responsible Gaming ที่ได้รับการลงทุนอย่างจริงจังทั้งด้านเทคโนโลยีและกระบวนการควบคุม ไปจนถึงมีการป้องกันการฟอกเงิน เพราะถ้าอ้างอิงจากประมาณการณ์มูลค่าตลาดการพนันในประเทศไทยถูกประเมินไว้สูงถึง 33 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ฉะนั้นเอามาทำให้ถูกกฎหมายอาจจะดีกว่า”
ผู้บริหาร Galaxy Resorts บอกว่า แม้จะไม่สามารถขจัดปัญหาทั้งหมดได้ แต่สามารถควบคุมปัญหาให้อยู่ในระดับต่ำ เหมือนอย่างสิงคโปร์ที่มีเพียง 1-1.5% เท่านั้นที่จัดเป็นนักพนันที่มีปัญหา
สิ่งสำคัญคือการจัดการ และมีระบบช่วยเหลือที่ดีให้ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ ที่ผ่านมาบริษัทของเราทำงานร่วมกับรัฐบาลเพื่อสนับสนุนโครงการเหล่านี้ เพราะนี่คือสิ่งที่เรียกว่าการพนันอย่างยั่งยืน
[ ไทยมีศักยภาพพอสร้าง เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ สูสีสิงคโปร์ ? ]
เขาบอกว่าถ้า หากเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ในไทยเกิดขึ้นตามแผน จะกลายเป็น “แลนด์มาร์กระดับไอคอน” เหมือนเช่น Marina Bay Sands ในสิงคโปร์ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากจีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทั่วภูมิภาคแปซิฟิก รวมถึงชาวไทยที่มีกำลังซื้อได้
ประเทศไทยเองมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการเพิ่ม GDP จากการท่องเที่ยว จาก 20% เป็น 30% และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจาก 40 ล้านเป็น 50 ล้านคนต่อปี ซึ่ง Entertainment Complex จะเป็นกลไกสำคัญในแผนยุทธศาสตร์นี้ และปัจจุบันรัฐบาลไทยมีแนวคิดที่จะออกใบอนุญาต Entertainment Complex ประมาณ 5 แห่งในประเทศ
ผู้บริหาร Galaxy Resorts ยอมรับว่ามองประเทศไทยเป็นโอกาสทางยุทธศาสตร์ที่น่าลงทุนในระยะยาว โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์ Entertainment Complex ในกรุงเทพฯ จะไม่ใช่แค่โครงการด้านความบันเทิง แต่มองว่าช่วยยกระดับแบรนด์ประเทศ พัฒนาแรงงาน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปสู่อนาคต
อย่างไรก็ตามสุดท้ายจะทำได้หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับการยอมรับของประชาชน และความร่วมมือกับภาครัฐนั่นเอง