SHARE

คัดลอกแล้ว

ย้อนไปเมื่อเย็นวันพฤหัสบดีของสัปดาห์ก่อน (วันที่ 5 พ.ค. 2565) จดหมายน้อยๆ จาก ‘ห่านคู่’ ที่เขียนถึง “คุณ…คนธรรมดา” ได้ถูกโพสต์ลงเฟซบุ๊กแฟนเพจของแบรนด์

ในจดหมายของ ‘ห่านคู่’ เต็มไปด้วยข้อความให้กำลังใจ ส่งสารให้คนที่ได้อ่านเห็นคุณค่าในความเป็นคนธรรมดาของตัวเอง

เหมือนๆ กับที่ห่านคู่ก็เป็นเสื้อยืดธรรมดาตัวนึงเช่นกัน

จดหมายน้อยๆ และข้อความน่ารักๆ ที่ช่วยฮีลใจผู้คนจากแบรนด์เสื้ออายุเก่าแก่เกือบ 70 ปีอย่างห่านคู่ ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก

โดยเฉพาะเมื่อมีแบรนด์ที่เพิ่งออกคอลเล็กชั่นพิเศษด้วยกันอย่าง ‘นันยาง’ มาร่วมจอย ส่งจดหมายตอบกลับถึงห่านคู่ ขอบคุณที่ให้กำลังใจคนธรรมดา เพราะนันยางก็เป็นรองเท้าธรรมดาเหมือนกัน

สร้างโมเมนต์น่ารักๆ จนหลายคนอดชมไม่ได้ว่า นี่เป็นการทำการตลาดที่สุดแสนสร้างสรรค์ และ ‘ไม่ธรรมดา’ เลยทีเดียว

หลังจากนั้น จดหมายลักษณะนี้ก็กลายเป็นไวรัล หลายแบรนด์เล่นต่อๆ กันมา ไม่เว้นแม้แต่สถานทูตสวีเดน และกรมสรรพากร ก็ขอกระโดดเข้ามาจอยด้วย

ความสร้างสรรค์ของห่านคู่ ทำให้ TODAY Bizview อดไม่ได้ที่จะพูดคุยถึงเบื้องลึกเบื้องหลัง ที่มาที่ไปของแคมเปญนี้

แล้วเราก็เซอร์ไพรส์มากที่รู้ว่าสิ่งที่จุดประกายไอเดียเรื่องคนธรรมดา มาจาก ‘ประโยคสั้นๆ’ ที่อยู่บนข้างกล่องเสื้อห่านคู่รุ่นออริจินัล

———-

บ่ายวันอังคาร (10 พ.ค. 2565) TODAY Bizview นัดกับ ‘คุณบี-คุณากร ธนสารสมบัติ’ ผู้บริหารรุ่นที่ 3 ของห่านคู่ ที่ออฟฟิศบริษัทในซอยสุขุมวิท 42 ซึ่งเป็นโรงงานแห่งแรกของห่านคู่ด้วย (ส่วนโรงงานอีกแห่งอยู่ที่ จ.สมุทรสาคร)

คุณบีเล่าให้ฟังว่า จุดเริ่มแรกของแคมเปญนี้ มาจากการที่ห่านคู่เริ่มอยาก ‘สื่อสาร’ กับผู้คน หลังจากในช่วงโควิดระบาดใหม่ๆ ที่ห่านคู่ต้องดิ้นรนหาทางรอดตาย และช่วยสังคมไปด้วย

จนทำให้เขาพบว่าจริงๆ แล้วห่านคู่เป็นแบรนด์ที่เชื่อมโยงกับคนได้ทุกรุ่นทุกสมัย แต่ที่ผ่านมา ห่านคู่เหมือนเป็นแบรนด์ที่พูดไม่เก่ง เลยไม่ค่อยได้คุยกับคนเท่านั้น

 

เขาเล่าพร้อมหัวเราะเบาๆ ในความ ‘พูดไม่เก่ง’

ผู้เขียนคิดว่า ดูแล้วเขาไม่น่าจะไม่ถึงแค่แบรนด์ แต่หมายถึงตัวเองด้วย

และที่หัวเราะน้อยๆ ก็เพราะผู้บริหารรุ่น 3 รายนี้เคยทำงานเกี่ยวกับการสื่อสารมาก่อน

คุณบีเรียนจบสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์จากสหรัฐอเมริกา ทำงานฝ่ายวิจัยและพัฒนาที่อีริคสันในสหรัฐฯ

แม้จะเก็บเงินได้แล้วไปเรียน MBA แต่ตอนกลับมาไทยช่วงแรก เขาไม่ได้เข้ามาทำงานที่ห่านคู่ทันที แต่ยังโลดแล่นอยู่ในวงการเทคโนโลยีและ ‘เทเลคอม’ ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสื่อสารนั่นเอง

จนกระทั่งถึงจุดที่ห่านคู่เจอวิกฤตการหาตลาดใหม่ ผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมไปซื้อของในโมเดิร์นเทรด

ห่านคู่ที่อาศัยการขายกับร้านค้าแบบดั้งเดิม ก็ถึงเวลาต้องปรับตัวด้วยเช่นกัน และนั่นก็เป็นโจทย์แรกที่เขาได้รับเมื่อเข้ามาทำงานที่นี่เมื่อราว 14-15 ปีก่อน

“เราเห็นว่าคนไปเข้าโมเดิร์นเทรดเยอะขึ้น แต่ตรงนี้เป็นพื้นที่ที่ยังไม่ได้อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเลย เราก็เลยจะไปอำนวยความสะดวกให้เขา แต่ทางก็ไม่เรียบอีก เพราะเราก็ต้องดูแลร้านค้าดั้งเดิมที่อยู่กับเรามานานด้วย

“คือจะทํายังไงให้คู่ค้าเราก็ยังขายของได้ ในขณะที่เราสามารถหาร้านค้าใหม่ๆ ของเราเพิ่มได้”

ด้วยความเป็นคนรักการเรียนรู้ อยากรู้อยากเห็นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร คุณบีอาศัยวิธีเข้าไปคุยกับลูกค้า ออกไปหาตลาด อะไรที่เคยทำไม่เป็น เช่น การตั้งราคาสินค้า ก็ลองทำดูทุกอย่าง

มีการปรับแพคเกจจิ้ง ปรับราคาขาย จนที่สุด เขาก็พาเสื้อตราห่านคู่เข้าไปขายในโมเดิร์นเทรดที่แรกได้ ซึ่งในตอนนั้นคือคาร์ฟู ก่อนจะขยายไปในบิ๊กซี โลตัส และเซเว่นอีเลฟเว่นต่อมา

แต่วิกฤตครั้งนั้นก็ไม่ใช่โจทย์ที่ยากที่สุด…

“มองย้อนไป โจทย์นั้นยากแต่ไม่เกินความสามารถที่เราจะทำได้ มีเหนื่อยมีท้อตามปกติ แต่เราก็ทำมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงปีโควิดนี่แหละที่เป็นโจทย์หินมาก โคตรหินเลย”

การระบาดของโควิดในช่วงแรก กระทบสายการผลิตที่โรงงานในสมุทรสาคร เพราะมีพนักงานติดบ้าง ทำให้โรงงานต้องหยุดบ้างเพื่อควบคุมการระบาด

แต่สถานการณ์ในประเทศเริ่มหนักขึ้น ทุกอย่างเริ่มชัตดาวน์ รัฐบาลเริ่มประกาศมาตรการควบคุมต่างๆ

และเมื่อหน้ากากอนามัยเริ่มขาดแคลน ‘ห่านคู่’ ที่ปกติผลิตหน้ากากผ้าให้พนักงานใส่เพื่อความปลอดภัยอยู่แล้ว เลยเปลี่ยนสายการผลิตทั้งหมดมาเป็นหน้ากากผ้าขายในราคาถูก คือ ชิ้นละ 10-20 บาท และส่วนหนึ่งก็บริจาคให้สภากาชาดไทย

แม้จะวุ่นวายอยู่พอสมควร ทางขลุกขลักแต่ห่านคู่ก็ยังก้าวต่อ จนเมื่อเดือนมีนาคม 2020 ที่รัฐบาลเริ่มสั่งปิดสถานที่มากขึ้น เขาก็เห็นว่าถ้ายังฝืนผลิตต่อไป ห่านคู่เองก็อาจไม่รอดด้วยเช่นกัน

ทางรอดของบริษัท คือต้องให้พนักงานอยู่บ้านก่อน

เขาเดินคุยกับพนักงานทุกคนใน 11 สายการผลิต บอกทุกคนว่าบริษัทจำเป็นต้องลดเงินเดือนของทุกคน รวมถึงตัวเขาเองด้วย เพื่อให้ห่านคู่อยู่รอด

“ถ้าเรารอด เรารอดไปด้วยกัน แล้วสิ้นปีนี้ถ้าบริษัทมีกำไร ผมจะจ่ายคืนพวกคุณให้หมดเลย” เขาบอกกับพนักงาน

การปิดโรงงาน หยุดการผลิตครั้งแรกในประวัติศาสตร์ห่านคู่ครั้งนี้ กินระยะเวลาเดือนกว่า โดยที่มีพนักงานขายกับพนักงานส่งที่ยังพอทำงานได้

หลังจากนั้น ห่านคู่กลับมาเดินการผลิตอีกครั้ง ภายใต้การทำงานวิถีใหม่ บริษัทรอดจากวิกฤตมาได้จริง ไม่ติดลบ และคุณบีก็ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับพนักงาน จ่ายคืนเงินที่เคยหัก และเพิ่มให้อีกนิดหน่อยเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ

แต่ถึงจะอยู่รอดมาได้ คุณบียังมองว่าหลังจากนี้ ห่านคู่ต้อง ‘อยู่เป็น’ ด้วย

นำมาสู่จุดเริ่มต้นของแคมเปญคนธรรมดาที่ทำมาดี

“พอเราอยู่รอดมาได้ เราเริ่มเห็นโอกาสที่ห่านคู่จะเชื่อมกับผู้คน ซึ่งในช่วงโควิดที่ทำหน้ากากผ้าทำให้เห็นว่าห่านคู่สามารถซัพพอร์ตคนได้ เชื่อมโยงกับคนได้ทุกยุคทุกสมัย ก็เริ่มจุดประกายว่าเราต้องทำอะไรสักอย่าง”

คุณบีบอกว่า พอยังไม่รู้จะทำอะไร ทำให้เรากลับมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า… ถ้าอยากซัพพอร์ตทั้งคนรุ่นใหม่และคนรุ่นใหญ่ เราจะทำอะไรได้บ้าง?

เขาบอกว่า เริ่มหาคำตอบด้วยการตอบตัวเองให้ได้ว่าห่านคู่คืออะไร

ซึ่งสิ่งที่ได้ยินจากคนอื่นมาตลอด คือห่านคู่ใส่แล้วสบาย ใส่เตะบอล ใส่อยู่บ้าน ใส่ทำกิจกรรมในบ้าน โดยรวมแล้วล้อมรอบด้วยคำว่า ‘สบาย’

ทำให้ห่านคู่เริ่มมาค้นแก่นแท้ของตัวเอง พูดคุยกันในทีม จนตกผลึกว่าแก่นแท้ของห่านคู่ ก็คือสิ่งธรรมดาๆ ที่ทำกันอยู่ทุกวัน

สปิริตข้างในของห่านคู่ก็เป็นเฉกเช่นเดียวกับคำที่อยู่ข้างกล่องเสื้อรุ่นออริจินัล ที่เขียนไว้ว่า

“It’s to your comfort to wear our ‘Double Goose’ underwear the best of it’s kind you can find in the market”

ประโยคนี้จุดประกายไอเดียให้ห่านคู่เห็นคุณค่าในตัวเองว่าตลอดที่ผ่านมา ห่านคู่เป็นแบรนด์ที่ทำมาดีแล้ว ดีในแบบตัวเอง และมีคุณค่าในแบบของตัวเอง

พอความรู้สึกนี้สปาร์คขึ้น ไม่เพียงแต่อยากบอกความรู้สึกดีๆ นี้ออกไปให้ผู้คนได้รับรู้ถึงแก่นแท้ของแบรนด์ แต่ห่านคู่มองว่าจริงๆ แล้วแนวคิดแบบนี้เป็นเรื่องที่แชร์กับคนทุกเจเนอเรชั่นได้

“เราก็มาดูว่าจริงๆ แล้วทุกวันนี้แต่ละเจเนอเรชั่นเจอปัญหา เจอเรื่องราวอะไรบ้าง การที่เราจะไปบอกว่าทำให้ดีสิ มันไม่ใช่ เหมือนเราต้องเข้าไปในใจของเขาก่อน

“ซึ่งเราเข้าใจว่าการเป็นคนรุ่นใหม่สมัยนี้มันก็ยากนะ เอาจริงๆ คนรุ่นใหม่มันยากทุกสมัย จะรุ่นใหม่ หรือรุ่นใหญ่ก็ยากในแบบของตัวเอง ส่วนคนรุ่นนี้ก็ยาก มีแรงกดดันพอสมควร เราก็เลยอยากจะเป็นพื้นที่เล็กๆ ที่ Celebrate ความเป็นคนธรรมดาที่มีค่าในแบบของตัวเอง”

คุณบีบอกว่า ถ้าจะให้กำลังใจคนด้วยการบอกให้เขา “สู้ๆ” มันคงไม่ได้ เพราะเอาเข้าจริงๆ ทุกคนสู้อยู่แล้ว ทำดีอยู่แล้ว แค่บางครั้งก็ต้องการเวลาได้พักให้หายเหนื่อยบ้าง

ซึ่งห่านคู่…เสื้อที่อึดถึกทน ใส่สบาย ไม่เรื่องมาก เข้าได้กับทุกคนทุกเวลา ก็อยากจะเป็นพื้นที่ให้ทุกคนนอกจากสบายกายที่ได้สวมใส่ ก็สบายใจในแบบที่ตัวเองอยากจะเป็นด้วย

และนำมาสู่แคมเปญคนธรรมดาที่ทำดี เป็นจดหมายฉบับน้อยที่มอบพลังบวกให้ทุกคนนั่นเอง

“ผมเชื่อว่าทุกคนมีความดี มีคุณค่าในตัวเอง เพียงแต่ว่าเราต้องดึงสิ่งเหล่านั้นออกมาให้ได้”

แนวคิดเรื่องเห็นคุณค่าในตัวเอง ไม่ได้เป็นเพียงแค่สิ่งที่นำมาถ่ายทอดในแคมเปญการตลาด แต่เอาจริงๆ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ห่านคู่ใช้ในการสร้างองค์กรและสื่อสารกับพนักงานด้วย

บนแนวคิดที่ว่าอยากจะเป็นแบรนด์ที่อยู่ถึง 100 ปี ทำให้คุณบีวางพื้นฐานและปั้นคนรุ่นใหม่ๆ ที่จะเข้ามาดูแลห่านคู่ต่อไปในอนาคต

และเมื่อเชื่อว่าทุกคนมีดีในแบบตัวเอง เขาให้โอกาสพนักงานได้ลองคิดลองทำอะไรใหม่ๆ ลงไปทำงานด้วยกัน คอยซัพพอร์ตเมื่อพนักงานผิดพลาด

คือถ้าเป็นสมัยสงคราม ก็เรียกได้ว่าร่วมเป็นร่วมตายด้วยกัน

ทั้งหมดก็เพื่อให้องค์กรอยู่ได้แบบยั่งยืน

“ผมมองว่าห่านคู่จะอยู่ได้ มันก็ต้องอยู่ได้แบบยั่งยืน ซึ่งเราก็ต้องหาทางของเราด้วย จริงๆ แก่นของเราคือธรรมดา ทำมาดี ทุกคนมีความดีในแบบตัวเอง แค่เราต้องหามันให้เจอ”

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า