SHARE

คัดลอกแล้ว

แม้แต่ Geoffrey Hinton นักวิจัยและเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการบุกเบิกวงการ Deep Learning และ AI ยังออกมาเตือนถึงความเสี่ยงและอันตรายของ AI ที่มีต่อมนุษยชาติ เขาถึงกับลาออกจาก Google หลังทำงานมาเป็นทศวรรษ เพื่อออกมาพูดถึงความเสี่ยง AI ได้โดยอิสระ

Geoffrey Hinton คือผู้ให้กำเนิดระบบเริ่มต้นของ AI ทุกวันนี้ ปัจจุบันเขาอายุ 75 ปีแล้ว  ย้อนกลับไปในปี 2012 เขาได้ร่วมกับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาสองคนที่มหาวิทยาลัยโตรอนโต สร้าง ImageNet challenge ระบบวิเคราะห์ภาพถ่ายหลายพันภาพ และสอนให้คัดแยกวัตถุทั่วไป เช่น ดอกไม้และรถยนต์ ซึ่งเป็นที่มาของระบบตรวจจับคัดแยกวัตถุที่ใช้กันในรถยนต์ไร้คนขับ 

ผลงานของ Hinton สร้างวิธีใหม่ให้เครื่องจักรในการเรียนรู้และมองโลกจริง Hinton ได้รับรางวัล Turing Award ประจำปี 2018 ร่วมกับ Yoshua Bengio และ Yann LeCun สำหรับผลงานด้าน Deep Learning ในช่วงนี้เองเขาก็เริ่มได้รับการตั้งฉายาว่า Godfathers of AI เจ้าพ่อแห่ง AI และ Godfathers of Deep Learning เจ้าพ่อแห่ง Deep Learning

Hinton เข้าทำงานที่ Google ในเดือนมีนาคม 2013 เมื่อบริษัทของเขา DNNresearch Inc. ถูกซื้อกิจการไปในราคา 44 ล้านดอลลาร์ หลังจากนั้นเขาก็พัฒนา AI อยู่ใน Google Brain มาเป็นสิบปี

ล่าสุด เขาออกมาเปิดเผยว่าลาออกจากงานที่ Google แล้ว และตอนนี้เขาก็มีอิสระที่จะพูดถึงความเสี่ยงของการพัฒนา AI ในตอนนี้ 

Hinton ให้สัมภาษณ์ New York Times บอกว่า ในช่วงแรกๆ นั้น Google และ OpenAI รวมถึงบริษัทอื่นๆ ก็เริ่มสร้างโครงข่ายประสาทเทียมที่เรียนรู้จากข้อความดิจิทัลจำนวนมหาศาล Hinton คิดว่ามันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสำหรับเครื่องจักร ในการทำความเข้าใจภาษา แต่มันก็ยังด้อยกว่ามนุษย์อยู่มาก 

จนกระทั่งปีที่แล้ว ที่ ChatGPT เผยแพร่ มุมมองของ Hinton ก็เปลี่ยนไป เขายังคงมองว่าระบบ ด้อยกว่าสมองมนุษย์ในบางแง่มุม แต่การพัฒนาที่รวดเร็วในช่วง 5 ปีทำให้มันมีความน่ากลัวขึ้นมา จนมันไปบดบังสติปัญญาที่มีอยู่ของมนุษย์ได้  

ที่ผ่านมา Google พยายามทำหน้าที่เป็นผู้ที่เหมาะสมสำหรับเทคโนโลยี คอยระมัดระวังไม่เปิดเผยเทคโนโลยีที่อาจก่อให้เกิดอันตราย แต่เมื่อ Microsoft ตีตื้นขึ้นมาท้าทายธุรกิจหลัก Google จึงอยู่เฉยไม่ได้ ดังนั้นทั้งสองบริษัทจึงถูกล็อกอยู่ในการแข่งขันที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้

ความกังวลองเขาคืออินเทอร์เน็ตจะเต็มไปด้วยภาพถ่าย วิดีโอ และข้อความเท็จ และคนทั่วไปจะ ไม่สามารถรู้ได้ว่าสิ่งใดจริงอีกต่อไป ซึ่งสอดคล้องกับที่ ยูวัล โนอาห์ แฮรารี ผู้เขียนหนังสือ เซเปียนส์ เคยเขียนแสดงความกังวลไว้ว่า มนุษย์ จะสูญเสียช่องทางในการเข้าถึงความเป็นจริง มุมมองทางการเมืองของเราถูกกำหนดโดยข่าวสาร และเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของเพื่อนฝูง รสนิยมทางเพศของเราถูกปรับแต่งด้วยศิลปะและศาสนา แต่จะเป็นอย่างไรหาก เราได้สัมผัสกับความเป็นจริงที่เกิดจากสติปัญญาที่ไม่ใช่มนุษย์

Hinton ยังกลัวว่าหุ่นยนต์นักฆ่าจาก AI จะเกิดขึ้นได้ เพราะ AI เรียนรู้พฤติกรรมที่ไม่คาดคิดจากข้อมูลจำนวนมหาศาล ไม่เพียงสรา้งโค้ดได้ แต่ยังรันโค้ดนั้นได้ด้วยตัวเอง 

ความหวังที่ดีที่สุดคือ ให้นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลกร่วมมือกันควบคุมเทคโนโลยี และไม่ควรขยายขนาดการพัฒนามากไปกว่านี้ จนกว่านักวิจัยจะเข้าใจว่าเราจะควบคุม AI ได้อย่างไร 

หลังจากบทสัมภาษณ์ของ New York Times เผยแพร่ออกไป Hinton ก็โพสต์ทวิตเตอร์ว่า เขาไม่ได้ลาออกจาก Google เพื่อที่จะได้วิจารณ์ Google อันที่จริง เขาแค่ออกเพราะจะได้พูดคุยเกี่ยวกับอันตรายของ AI โดยไม่ต้องสนใจว่าสิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อ Google อย่างไร

IBM ใช้ AI แทนคนแล้วอย่างเป็นทางการ

จากการพัฒนาของ AI ในระยะสั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้น หรือเกิดขึ้นแล้วในบางบริษัทคือใช้ AI มาทำงานแทนคน Arvind Krishna ซีอีโอ IBM เปิดเผยต่อสื่อว่า บริษัทจะหยุดการจ้างงานพนักงานใหม่ประมาณ 7,800 ตำแหน่ง เหตุผลง่ายๆ เพราะงานเหล่านี้สามารถแทนที่ได้ด้วย AI หมดแล้ว

Krishna บอกด้วยว่า การจ้างงานเฉพาะในฟังก์ชัน back-office เช่น ทรัพยากรบุคคลจะถูกระงับหรือชะลอการจ้างไปเลย และ 30% ของตำแหน่งที่ไม่ต้องติดต่อกับลูกค้าจะถูกแทนที่ด้วย AI และระบบอัตโนมัติใน 5 ปี

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

  • ยูวัล โนอาห์ แฮรารี ผู้เขียนหนังสือ เซเปียนส์ มอง AI อนาคตมนุษย์จะสูญเสียการเข้าถึงความเป็นจริง https://workpointtoday.com/yuval-noah-harari-ai-opinion/

ที่มา : New York Times, Finance Yahoo

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า