SHARE

คัดลอกแล้ว

ทำความรู้จัก ‘เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์’ ชายผู้กุมบังเหียน LVMH เจ้าของแบรนด์หรู Louis Vuitton และ Dior ฯลฯ รวยเป็นอันดับ 1 ของโลก แซงหน้าแชมป์เก่าอย่าง อีลอน มัสก์

‘เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์’ (Bernard Arnault) ชายวัย 73 ปี ผู้ดูแลอาณาจักร ‘แอลวีเอ็มเอช โมเอต์ เฮนเนสซี่ หลุยส์ วิตตอง’ (LVMH) ซึ่งมีแบรนด์ดังในเครือมากมาย อาทิ ‘หลุยส์ วิตตอง’ (Louis Vuitton) ‘ทิฟฟานีแอนด์โค’ (Tiffany & Co.) ‘คริสเตียน ดิออร์’ (Dior) และอีกมากมาย

รวยแซงหน้าเศรษฐีโลกแชมป์เก่าอย่าง ‘อีลอน มัสก์’ (Elon Musk) ซีอีโอบริษัทรถยนต์ไฟฟ้า ‘เทสล่า มอเตอร์’ (Tesla) โดยการประมาณการสินทรัพย์จาก ‘ฟอบส์’ (Forbes) พบว่า เบอร์นาร์ดมีความมั่งคั่งสุทธิกว่า 2.13 แสนล้านดอลลาร์ หรือตกประมาณ 7.4 ล้านล้านบาท 

สาเหตุมาจากที่ปี 2565 เกิดภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นและเงินเฟ้อ กดดันให้หุ้นเทคโนโลยีร่วงอย่างหนัก ทำเอา Tesla บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าที่เน้นเทคโนโลยี มูลค่าตลาดหายไปมากกว่า 50% ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปีเท่านั้น

ผลักให้ อีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Tesla ที่เคยมีความมั่งคั่งติดอันดับ 1 ของโลก หลุดแชมป์ในปีที่ผ่านมา ตามมูลค่าการถือครองหุ้นใน Tesla

จากการประเมินของ Forbes พบว่า อีลอนมีความมั่งคั่งสุทธิราว 1.74 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 6 ล้านล้านบาท (ข้อมูล ณ 31 ม.ค. 2566)

ซึ่งก่อนหน้านั้นในปี 2564 ช่วงเดือน พ.ย. อีลอนเคยมีสินทรัพย์ ณ ตอนราคาหุ้น Tesla ทำจุดสูงสุด สูงถึง 3.38 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 11 ล้านบล้านบาท ในขณะที่เบอร์นาร์ดมีสินทรัพย์ ณ เวลานั้นเพียง 1.72 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 6 ล้านล้านบาท

สำหรับ เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ เป็นผู้ประกอบการสัญชาติฝรั่งเศส ที่สืบทอดกิจการรับเหมาก่อสร้างต่อจากพ่อในช่วงปี ค.ศ. 1970-1980 (พ.ศ. 2513-2523) หลังจากนั้นมีการปรับธุรกิจดั้งเดิมให้ปลายเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก่อนจะลงตัวที่ธุรกิจสิ่งทอและสินค้าแฟชั่นในท้ายที่สุด 

จุดเริ่มต้นของธุรกิจสิ่งทอและสินค้าแฟชั่นดังกล่าว เกิดขึ้นในปี 1985 (2528) ที่เบอร์นาร์ดนำเงินจากธุรกิจครอบครัวเข้าซื้อ Dior มูลค่ากว่า 15 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 500 ล้านบาท จากเจ้าของเก่าที่กำลังจะล้มละลาย ซึ่ง ณ ตอนนี้เขาก็ยังถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวอยู่กว่า 97.5%

กว่า 30 ปีที่ผ่านมา เบอร์นาร์ดได้ขยายอาณาจักรแบรนด์หรูของตัวเองออกไปเรื่อยๆ โดยควบรวม 2 ยักษ์ Louis Vuitton และ ‘โมเอต์ เฮนเนสซี่’ (Moet Hennessy) บริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าด้วยกัน กลายเป็น LVMH ก่อนจะใช้กลยุทธ์นำบริษัทแม่ดังกล่าวเข้าซื้อแบรนด์ลูกต่างๆ เข้ามาในเครือ

จนทำให้ ณ ตอนนี้ LVMH มีมูลค่าตามตลาดสูงถึง 3.9 แสนล้านบาท หรือประมาณ 13 ล้านล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ม.ค. 2566) และมียอดขาย 9 เดือนของปี 2565 กว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.1 ล้านล้านบาท

โดยเบอร์นาร์ดมักชอบตรวจเยี่ยมสาขาของแบรนด์ในเครือ LVMH อย่างสม่ำเสมอ รวมไปถึงสาขาของแบรนด์คู่แข่งเช่นกัน ซึ่งบางวันเขาเคยเยี่ยมกิจการมากถึง 25 สาขาต่อวันเลยทีเดียว

เบอร์นาร์ดเคยกล่าวว่า เขามี ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ (Warren Buffett) ประธาน ‘เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์’ (Berkshire Hathaway) และ ‘สตีฟ จอบส์’ (Steve Jobs) ผู้ร่วมก่อตั้ง ‘แอปเปิ้ล’ (Apple) ว่าเป็นบุคคลในดวงใจ 

โดยเบอร์นาร์ดให้สัมภาษณ์กับ Forbes ในปี 2560 (2017) ว่า เขาชอบแนวคิดการเป็นนักลงทุนระยะยาวของวอร์เรน ที่ยึดมั่นในหลักการของการลงทุน

‘ซื้อกิจการที่ดีและถือมันตลอดไป โดยไม่สนใจความผันผวนของราคาหุ้นระหว่างวัน’

ซึ่งเขาเองก็ได้นำมันไปปรับใช้สำหรับการเข้าซื้อแบรนด์ ‘บุลการี’ (Bulgari) หลังจากที่ต้องรอมาหลายสิบปี เพื่อเข้าซื้อในวันที่ธุรกิจดังกล่าวประสบปัญหาในช่วงปี 2554 (2011)

เบอร์นาร์ดยังชื่นชม สตีฟ จอบส์ กับนิตยสาร Forbes ในปีเดียวกันว่า จอบส์เป็นซีอีโอที่มีความสร้างสรรค์ และสามารถขยายการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

แนวคิดดังกล่าวก็ตรงกับธุรกิจ LVMH ที่ต้องแปลงความสร้างสรรค์ในจินตนาการมาสู่โลกความจริง ซึ่งการจะทำให้เป็นเช่นนั้นได้ เขากล่าวว่า

‘คุณต้องเข้าถึงดีไซน์เนอร์และนักนวัตกรรม เพื่อทำให้ไอเดียของเขาเหล่านั้นน่าสนใจและใช้ใด้จริง’

ที่มา:

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า