คนไทย 66% อยากไปทำงานต่างประเทศ ‘สิงคโปร์’ มาแรงเป็นอันดับหนึ่งที่อยากไปทำงาน

ช่วงนี้ประเทศไทยมีเหตุการณ์เกิดขึ้นค่อนข้างหลายอย่าง ตั้งแต่เศรษฐกิจ, การเมือง จนไปถึงพฤติกรรมคนไทยในกลุ่มต่างๆ ซึ่งสถานการณ์ความไม่แน่นอนในประเทศไทย (อาจ) มีส่วนทำให้มุมมอง ความคิดของคนรุ่นใหม่เกี่ยวกับการไปทำงานในต่างประเทศเปลี่ยนไปมากขึ้นหรือไม่

จากผลสำรวจ Global Talent Survey 2024 โดย Jobsdb by SEEK ได้เปิดเผยข้อมูลตลาดแรงงานทั่วโลกและในประเทศไทย จากผู้ที่ทำแบบสำรวจกว่า 150,000 คน จาก 180 ประเทศ

ผลสำรวจพบว่า ผู้ที่หางานทำคนไทยให้ความสนใจในการทำงานต่างประเทศมากขึ้น ประมาณ 66% โดย 79% เป็นคนรุ่นใหม่ หรือคนที่มีอายุน้อย ที่มองว่าการย้ายไปทำงานในต่างประเทศจะตอบโจทย์สิ่งที่ใฝ่ฝันของพวกเขาได้

นั่นก็คือ 1) ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน 2) ค่าตอบแทนที่สมเหตุสมผลและสูงขึ้น 3) โอกาสที่จะได้รับประสบการณ์ในระดับนานาชาติ

‘ดวงพร พรหมอ่อน’ กรรมการผู้จัดการ Jobsdb by SEEK (ประเทศ) ได้พูดระหว่างให้สัมภาษณ์พิเศษ ผลการสำรวจดังกล่าวเป็นช่วงก่อนที่จะเกิดโรคระบาดในปี 2561 แต่ความสนใจของคนไทยถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในปี 2566

ทั้งนี้ มุมมองของคนไทยใน 66% นั่นนับว่าเป็นสัญญาณเตือนถึงปรากฏการณ์สมองไหลออกจากไทยอย่างชัดเจน ขณะที่กลุ่มอาชีพที่ทำให้มีโอกาสมากกว่าอาชีพใน Top 5 หากต้องการย้ายไปทำงานในต่างประเทศ ก็คือ

1) การศึกษาและการฝึกอบรม 85%

2) กฎหมาย 73%

3) การจัดการธุรกิจ 73%

4) ไอที 72%

5) วิศวกรรม และฝ่ายเทคนิค 69%

[ สิงคโปร์ = ปลายทางที่คนไทยอยากไปทำงาน ]

สำหรับจุดหมายปลายทางที่คนไทยสนใจอยากเข้าไปทำงาน ก็คือ ‘สิงคโปร์’ นำมาเป็นอันดับหนึ่งของการสำรวจครั้งนี้ มากถึง 33% จากประเทศทั้งหมด

นอกจากนี้ ยังมี ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา ที่ติดอยู่ใน Top 3 ที่คนไทยอยากทำงานมากที่สุดเป็นอันดับ 2 และ 3

ทั้งนี้ ประเทศอื่นๆ ที่อยู่ในความสนใจของคนไทย แต่อาจจะไม่ได้อยู่ใน Top ตัวเลือกของพวกเขา ได้แก่ ญี่ปุ่น, จีน, สหราชอาณาจักร, สวิตเซอร์แลนด์, เยอรมนี, นิวซีแลนด์ และแคนาดา

ดวงพร อธิบายว่า จุดหมายปลายทางของคนไทยที่อยากไปทำงานในประเทศเหล่านี้ มีแนวโน้มมาจากหลายปัจจัยรวมกัน เช่น ความสัมพันธ์ระดับภูมิภาค, ศักยภาพทางการตลาด และการเชื่อมโยงทางวัฒนธรรม เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม 60% ของผู้ที่ได้ไปทำงานในต่างประเทศมีความตั้งใจที่จะกลับมายังประเทศไทยในท้ายที่สุด เเละอีก 18% ต้องการอยู่ต่ออย่างไม่มีกำหนดกลับชัดเจน

[ ไทย = จุดหมายปลายทางของต่างชาติ ]

ในชุดการสำรวจครั้งนี้ ยังมีส่วนที่พูดถึง ‘ประเทศไทย’ ด้วยเพราะว่าได้กลายเป็นหนึ่งในจุดหมายยอดนิยมของผู้หางานเช่นกัน โดยขยับขึ้นมาลำดับที่ 31 จากลำดับที่ 39 ในการจัดอันดับโลกนับตั้งแต่ปี 2561

โดยไทยดึงดูดผู้ที่มีความสามารถหลากหลายจากทั่วโลกถึง 62% ให้เข้ามาทำงาน เนื่องจากชื่นชอบในคุณภาพชีวิต วัฒนธรรมที่เป็นมิตรและการไม่แบ่งแยก รวมไปถึงเรื่องค่าครองชีพที่เอื้อต่อการอยู่อาศัย

ผลสำรวจในเดือนมีนาคมปี 2566 เปิดเผยว่าในไทยมีพนักงานต่างชาติกว่า 2.7 ล้านคน ซึ่งนับเป็น 7% ของแรงงานในประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

‘ดวงพร’ อธิบายเพิ่มเติมอีกว่า คนต่างชาติที่ทำงานในไทยล้วนมาจากประเทศที่ค่าครองชีพที่สูงกว่าการใช้ชีวิตในไทย อีกทั้งยังมองว่าคนไทยเปิดกว้าง และเป็นชาติที่ใจดี ทั้งยังมีระบบเฮลล์แคร์ที่ดี ดังนั้น ในภาพรวมของเรื่องคุณภาพชีวิตก็คือสิ่งเหล่านี้ที่ตอบโจทย์ นอกจากนี้ ยังมีโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงานอีกด้วย

ทั้งนี้ Top 10 คนจากต่างประเทศที่อยากย้ายมาทำงานในไทย อันดับหนึ่ง คือ ‘สิงคโปร์’ อยู่ที่ 9% ส่วนประเทศอื่นๆ ในอีก 9 ประเทศส่วนใหญ่มาจากกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)

• 9% เป็นสิงคโปร์

• 5% เป็นมาเลเซีย

• 3% เป็นฮ่องกง

• 2% เป็นฟิลิปปินส์

• 1% เป็นอินโดนีเซีย

• 1% เยอรมนี

• 1% เดนมาร์ก

• 1% แอฟริกาใต้

• 1% สหรัฐอเมริกา

• 1% ฝรั่งเศส

ในผลการสำรวจยังได้พูดถึง ‘เทรนด์การทำงานระยะไกล’ ที่เพิ่มมากขึ้นทั่วโลก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรูปแบบการทำงานของคนยุคนี้ โดยตั้งแต่ปี 2563 คนไทยที่หางานมีความต้องการในการทำงานระยะไกล หรือการทำงานแบบไม่ต้องย้ายถิ่นฐานเพิ่มขึ้นถึง 26% จาก 50% ในปี 2563 เพิ่มขึ้นเป็น 76% ในปี 2566

ด้วยความทันสมัยของเทคโนโลยีในสมัยนี้ รวมไปถึงการรับรู้ การเปิดกว้างของคนจ้างงานที่สามารถสั่งงานและให้ค่าตอบแทนแบบระยะไกลได้นั่นเอง