SHARE

คัดลอกแล้ว

วันที่ 6 ก.ย. เวลา 17.00 น. ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 จังหวัดหนองคาย นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรหนองคาย แถลงข่าวการจับกุมนางอ่อนสี พงสะหวั่น อายุ 71 ปี ชาวลาว ที่ลักลอบนำทองคำ 6 แท่งน้ำหนักประมาณ 6 กก. มูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท เข้ามาในประเทศ โดยซุกซ่อนมาในรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ห่อด้วยกระดาษแล้วใส่ในกระเป๋าสะพายอีกชั้นหนึ่ง แล้วนำกระเป๋าดังกล่าววางไว้ที่วางเท้าผู้โดยสารด้านหลังฝั่งเดียวกับคนขับ ซึ่งเจ้าหน้าที่จับกุมได้เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.

นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรหนองคาย เคยจับผู้ลักลอบนำทองคำเข้าประเทศคาด่านมาแล้ว 2 ครั้ง โดย 2 กลุ่มขบวนการ การจับกุมครั้งนี้เจ้าหน้าที่มีข้อมูลและติดตามมาแล้วระยะหนึ่ง พบว่ารถคันนี้เป็นรถเป้าหมายจึงตรวจค้น

สำหรับพฤติกรรมลักลอบนำทองคำแท่งเข้ามาในประเทศไทยจะนำไปขายเพื่อทำกำไร เนื่องจากปัจจุบันค่าเงินของประเทศเพื่อนบ้านค่อนข้างอ่อนตัว เมื่อนำทองคำมาขายที่ไทยจะได้ส่วนต่าง จากการสอบผู้ต้องหายอมรับว่าขณะนี้จะมีส่วนต่างกันประมาณ 5% นอกจากนี้ยังจะได้ส่วนต่างในส่วนของความบริสุทธิ์ของทอง เนื่องจากทองคำแท่งของประเทศเพื่อนบ้านจะมีความบริสุทธิ์มากถึง 98% เป็นอย่างต่ำ ทำให้ได้กำไรตรงนี้อีก

นายด่านศุลกากรหนองคาย เปิดเผยต่อไปอีกว่า การลักลอบนำทองคำเข้ามาขายทำเป็นขบวนการอย่างแน่นอน มูลค่าของทองคำที่ตรวจยึดได้ครั้งนี้รวมภาษีแล้วจะมีมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท ด้านการการดำเนินคดีนั้น ขั้นต้นผู้ต้องหาได้ยอมรับสารภาพและขอระงับคดีในชั้นของศุลกากร ซึ่งสามารถทำได้แต่ต้องยกทองคำทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ จากนั้นก็จะมีการขายให้กับธนารักษ์เท่านั้น ไม่มีการเปิดประมูล สำหรับความผิดนั้นคือลักลอบนำของต้องห้ามต้องจำกัดเข้ามาในราชอาณาจักร

ทั้งนี้ ในเกณฑ์การเปรียบเทียบงดการฟ้องร้องตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ได้กำหนดฐานความผิดบางประเภท ให้ผู้กระทำความผิดยกของกลางให้เป็นของแผ่นดิน เพื่องดการฟ้องร้องได้ เช่น

มาตรา 242 ผู้ใดนำเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งของที่ยัง มิได้ผ่านพิธีการศุลกากร หรือเคลื่อนย้ายของออกไปจากยานพาหนะ คลังสินค้า ทัณฑ์บน โรงพักสินค้า ที่มั่นคง ท่าเรือรับอนุญาต หรือเขตปลอดอากร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลกากร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือทั้งจำทั้งปรับและให้ริบของนั้นไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่

ข้อ 7 กรณีตรวจพบและจับกุมผู้ต้องหาที่ ด่านพรมแดน หรือด่านศลุกากร เกณฑ์เปรียบเทียบงดการฟ้องร้อง ให้ยกของกลางให้เป็นของแผ่นดิน

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า