ราคาทองคำมีลุ้น 40,000 บาท กูรูวิเคราะห์ราคาทองยังไปได้ต่อ รอจับสัญญาณเฟดปรับลดดอกเบี้ยลง. ประเมินกรอบแนวต้านที่ 36,200-36,300 บาทต่อบาททองคำ แนะใช้ความมัดระวังเพราะอาจมีช่วงพักฐานปรับตัวลง
‘ธนรัชต์ พสวงศ์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง วิเคราะห์ถึงการปรับขึ้นของราคาทองว่า สาเหตุหลักมาจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง หลังธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
นอกจากนี้ ทุกครั้งที่ Fed ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง จะส่งผลบวกให้ราคาทองปรับตัวขึ้น และด้วยตัวเลขหนี้สาธารณะของสหรัฐที่อยู่ในระดับสูงมากเกินไปตอนนี้ เชื่อว่าอย่างไร Fed ก็ต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยภายในกลางปีเพื่อพยุงเศรษฐกิจ
ขณะที่ปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ มองว่า การเลือกตั้งของสหรัฐเองก็มีผล ภายหลัง ‘โจ ไบเดน’ เริ่มมีอายุเกินกว่าจะดำรงตำแหน่งต่อ อาจเกิดความเสี่ยงให้ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ เข้ามาเป็นคู่แข่งอีกครั้ง ซึ่งมาพร้อมกับนโยบายเพิ่มกำแพงภาษีกับจีน และนโยบายไม่เข้าร่วมนาโต้
ถัดมาคือการเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางทั่วโลก โดยคาดว่าสาเหตุมาจากสงครามการแบ่งขั้วที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลเงินดอลลาร์เริ่มลดบทบาทลง
ทั้งนี้ นำโดยธนาคารกลางจีนที่เข้าซื้อทองคำมากที่สุดต่อเนื่อง 14 ปี นับตั้งแต่ปี 2010 ขณะที่ธนาคารกลางแห่งประเทศไทย (ธปท.) เริ่มเข้าซื้อทองคำมากขึ้นในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา
สำหรับกรอบการซื้อขายทองคำในประเทศ ประเมินแนวต้านที่ 36,200-36,300 บาทต่อบาททองคำ แม้เข้าซื้อตอนนี้จะเป็นระดับที่ถือว่าไม่ถูกแล้วก็ตาม แต่ยังเห็นแรงซื้อมากกว่าแรงขาย โดยนักลงทุนยังมองว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่แม้ราคาจะสูงแล้ว แต่เชื่อว่ายังไปต่อได้
‘พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ‘ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า ราคาทองคำในประเทศปรับตัวขึ้นทำสถิติใหม่อยู่เรื่อยๆ จากการอ่อนค่าของเงินบาทและราคาทองต่างประเทศที่ปรับตัวขึ้นสูง แต่ในระยะใกล้ๆ ยังต้องใช้ระมัดระวังเพราะราคาที่ปรับขึ้นมาเยอะอาจะมีจังหวะในการย่อตัวลงได้
ด้านปัจจัยที่อาจส่งผลต่อราคาทองคำในระยะสั้น แนะนำติดตามรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarms Payrolls) ในคืนวันศุกร์ หากรายงานออกมาไม่เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์อาจเป็นปัจจัยเซอร์ไพรส์ที่ทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อ
ขณะที่การประชุมเฟดเมื่อคืนที่ผ่านมา ‘เจอโรม พาวเวล’ ประธาน Fed ส่งสัญญาณจะปรับลดดอกเบี้ยลงในปีนี้แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะปรับลดในช่วงไหนของปีนี้ ดังนั้นระยะยางต้องรอเฟดลดดอกเบี้ยเพราะเมื่อปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง จะทำให้ราคาทองปรับตัวขึ้น
ซึ่งปัจจุบันการที่ดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงเป็นระยะเวลานาน YLG มองว่าจะส่งผลทำให้เกิดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจได้ แม้ปัจจุบันประธานเฟดยังยืนยันว่าตัวเลขเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่งอยู่
ทั้งนี้หลังจากที่ราคาทองคำทำจุดสูงสุดใหม่ในระยะสั้นอาจจะมีแรงขายทำกำไรสลับออกมา แต่ภาพของทองคำในระยะยาวของปี 2567 ทองคำยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น
โดยเป้าหมายใหญ่ของทั้งปี YLG ยังคงให้ไว้ที่ 2,250 – 2,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือเทียบเป็นราคาทองในประเทศก็ราวๆ 40,000 บาทต่อบาททองคำ
เนื่องจากในครึ่งปีหลังเป็นช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลง และตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะดำเนินนโยบายคงอัตราดอกเบี้ยต่ำไปต่อเนื่อง 2-3 ปี ดังนั้นภาพใหญ่ 2- 3 ปี ทองคำจึงยังคงเป็นบวก