“แกรนด์สปอร์ต กรุ๊ป” ก่อตั้งมาแล้ว 59 ปี นับจาก “กิจ พฤกษ์ชะอุ่ม” อดีตนักกีฬาบาสเก็ตบอลที่อยากเห็นประเทศไทยมีแบรนด์เสื้อผ้ากีฬาเป็นของคนไทย เริ่มต้นดำเนินธุรกิจจากห้องแถวเล็กที่วงเวียน22 กระทั่งพัฒนาเรื่อยมากลายเป็นบริษัทที่มีตึกทำงาน โรงงานผลิตเครื่องอุปกรณ์กีฬาและผลิตภัณฑ์กีฬาอีกหลายแห่ง
จนมาถึงยุคของ “ธิติ พฤกษ์ชะอุ่ม” ที่เข้ามาดูแลการดำเนินการส่วนใหญ่ของบริษัทในตำแหน่งรองประธานกรรมการอำนวยการ ที่ยอมรับว่าต้องเผชิญกับความท้าทายที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละยุคสมัย
“ในอดีตลูกค้ามักมีข้อกังขาต่อสินค้าแบรนด์ไทย ช่วงเวลานั้นเราใช้ความพยายามในการสร้างความเชื่อมั่นจนกระทั่งแกรนด์สปอร์ตข้ามพ้นเรื่องดังกล่าวได้รับการยอมรับทั้งเรื่องของคุณภาพ ราคา การออกแบบ เช่นเดียวกับอีกหลายแบรนด์กีฬาในตลาดที่ตอนนี้มีคุณภาพได้รับการยอมรับไม่แพ้แบรนด์ต่างประเทศ”
จับตลาดเฉพาะสร้างฐานแฟนคลับ
ในยุคที่การแข่งขันธุรกิจแบรนด์กีฬาในประเทศไทยเติบโตขึ้นจนมีผู้เล่นหลายรายเข้ามาชิงชัยในตลาด
อีกทั้งยุทธศาสตร์ของชาติที่ต้องการผลักดันให้กีฬาเป็นอีกหนึ่งเรื่องในการพัฒนาทรัพยากรคนยิ่งเป็นแรงหนุนให้อุตสาหกรรม ดังนั้นปัจจุบันเราจึงได้เห็นแต่ละแบรนด์งัดเอากลยุทธ์ต่างๆเข้ามาชิงลูกค้า
สำหรับธุรกิจแบรนด์กีฬาในอดีตมักได้เห็นการใช้กลยุทธ์เรื่องราคเข้าห้ำหั่นกัน กระทั่งสินค้าติดตลาดคนในประเทศให้การยอมรับสินค้าไทย จนมาสู่ในปัจจุบันซึ่งเป็นยุคที่การผลิตของออกมามากๆหรือการตั้งราคาสินค้าที่ไม่สูงไม่ได้ดึงดูดลูกค้าอีกต่อไป
พฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไปตลอด ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวตามไปด้วย การทำตลาดด้วยการจับกลุ่มเฉพาะ ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการออกผลิตภัณฑ์จึงเป็นสิ่งสำคัญของยุคนี้
“แนวทางของแต่ละแบรนด์อาจแตกต่างกัน แต่มีจุดที่คล้ายกันคือเรื่องไอเดียและจับกลุ่มลูกค้าเฉพาะเจาะจงมากขึ้น” ธิติ กล่าว
ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของการออกแบบเสื้อกีฬาแนวย้อนยุคของแกรนด์สปอร์ต ที่ต้องการจับกลุ่มคนแฟนกีฬา(ฟุตบอล) ที่ชอบของเก่าสามารถเก็บสะสมได้ เป็นเสมือน “Rare Item” ที่ต้องตามเก็บ
สิ่งนี้เองทำใหเกิดแฟนคลับของแกรนด์สปอร์ตขึ้นคล้ายๆกับ Apple, Samsung หรือ Huawei ที่มีสาวกประจำและคนกลุ่มนี้เองมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนธุรกิจปัจจุบัน ทั้งการเป็นรผู้สนับสนุนและเผยแพร่สินค้า
“ตอนนี้ต้องวางแผนกันเป็นรายสัปดาห์ การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอยู่ตลอด คนที่ทำธุรกิจก็ต้องเปลี่ยนเร็วตาม ยิ่งมีคู่แข่งก็ต้องหาช่องว่างในการทำธุรกิจให้เจอ ตอนนี้ทุกแบรนด์ก็หาช่องวางตรงนี้เช่นกัน จากนั้นทำในสิ่งที่เชี่ยวชาญที่สุด นี่คือความสนุกและท้าทายของธุรกิจนี้”
โลกยุคดิจิทัลเปิดกว้างธุรกิจแบรนด์กีฬาไทย
ขณะที่ปัจจัยแวดล้อมที่ส่งผลในเชิงธุรกิจธิติเผยว่า เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงส่งผลต่อธุรกิจพอสมควรในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีโอกาสที่ดีอยู่จากความนิยมของทีมกีฬาในประเทศที่เติบโตขึ้น
แต่ทั้งหมดนี้ปัจจัยสำคัญอยู่ที่ผลงานของนักกีฬาในประเทศ ถ้ามีผลงานดีแบรนด์กีฬาย่อมได้รับอานิสงส์ทางตรง แต่ช่วงที่ผลงานนักกีฬาตกต่ำก็ส่งผลต่อธุรกิจ
“กรณีของแกรนด์สปอร์ตผ่านวิกฤตมาหลายครั้งทำให้ต้องบริหารความเสี่ยงไว้ตลอด เราในฐานะที่อยู่ในธุรกิจกีฬาคือต้องเข้าไปช่วยสนับสนุนวงการ ไม่ว่าจะเป็นทีมกีฬา นักกีฬา สมาคมกีฬารวมไปถึงระดับเยาวชน เพราะผลงานนักกีฬาไทยคือความภาคภูมิใจของแบรนด์ไทย ถ้าวงการกีฬาเติบโตธุรกิจก็เติบโตด้วย”
อีกเรื่องสำคัญที่ภาคธุรกิจต้องเผชิญอยู่ขณะนี้คือสถานการณ์ที่เรียกว่า “Digital Disruption” หรือการเข้ามาของเทคโนโลยีในรูปแบบดิจิทัล ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงธุรกิจและอุตสาหกรรม ทำให้ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัวไม้ให้ถูกDisrupt รวมไปถึงใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่เข้ามาถาโถมเหล่านี้ให้มากที่สุด
สำหรับแกรนด์สปอร์ตโดยธิติมองว่า ดิจิทัลและเทคโนโลยีที่เข้ามาคือโอกาสที่ดีสำหรับธุรกิจแบรนด์กีฬา
ที่ชัดเจนที่สุดคือช่องทาการจัดจำหน่าย จากสมัยก่อนที่ต้องไปซื้อเสื้อผ้าตามร้านค้า แต่การเข้ามาของยุคดิจิทัลทำให้มีทางเลือกที่มากขึ้น ยิ่งระบบอินเทอร์เน็ตมีศักยภาพยิงช่วยเรื่องการเข้าถึงและมั่นใจให้กับลูกค้าได้มาก
“คนยุคใหม่เดินเข้าห้างสรรพสินค้าหรือตามร้านเสื้อผ้าน้อยลง ต้องการอะไรที่มันสะดวก การจ่ายเงินก็ไม่ชอบใช้เงินสด ยิ่งเป็นคนที่ชอบกีฬาอะไรที่จุกจิกอาจไม่ใช่บุคลิคเขา อะไรที่ลดขั้นตอนและง่ายต่อการเข้าถึงเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์คนยุคใหม่”
บุกอาเซียนชูความสำเร็จที่เวียดนาม
การดำเนินธุรกิจเมื่อถึงจุดหนึ่งตลาดในประเทศอาจจะไม่เพียงพอการหาน่านน้ำสีครามเพื่อแสวงหาโอกาสเป็นสิ่งที่ต้องวางวิสัยทัศน์เอาไว้เสมอ
ปัจจุบันเราได้เห็นธุรกิจแบรนด์กีฬาไทยโกอินเตอร์ไปสู่ในหลายประเทศ ด้วยหลายจุดประสงค์ทั้งการขยายตลาดเพิ่มยอดขายหรือการสร้างความรับรู้ให้เป็นที่รู้จักในรูปแบบสปอนเซอร์ผู้สนับสนุนในวงการกีฬาของประเทศนั้น
“แกรนด์สปอร์ตรุกตลาดต่างประเทศมานานแล้วเพียงแต่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ประชาสัมพันธ์มากนัก เราเป็นแบรนด์ชุดแข่งขันของทีมฟุตบอลทีมชาติเวียดนามและลาว นอกจากนี้ยังมีสโมสรในเวียดนาม,ฟิลิปปินส์,เมียนมาร์และมัลดีฟ เป็นต้น” ธิติกล่าว
แต่สิ่งที่แกรนด์สปอร์ตได้รับความสนใจอยู่ในขณะนี้คงหนีไม่พ้นการเข้าไปสนับสนุนชุดแช่งขันของทีมฟุตบอลทีมชาติ “เวียดนาม” เพราะในด้านกีฬาโดยเฉพาะฟุตบอลทุกคนต่างทราบว่าเวียดนามมองไทยเป็นคู่แข่งสำคัญและเป็น Benchmark ที่ต้องการก้าวข้ามผ่านให้ได้
“เราสำรวจตลาดเวียดนามมา 10 ปี จากนั้นเริ่มเข้าไปในรูปแบบการขายอุปกรณ์กีฬาก่อน เพื่อให้เขารู้จักและคุ้นเคยกับเราจนได้รับความเชื่อใจให้เป็นแบรนด์ชุดทีมชาติเขาในปี2015”
ในมุมมองของคนทำธุรกิจกีฬาในเวียดนาม ธิติพบว่าเวียดนามจริงจังในการพัฒนากีฬาอย่างมากทั้งภาครัฐ เอกชนและประชาชนโดยเฉพาะชาวเวียดนามพร้อมที่จะสนับสนุนทีมกีฬาของตัวเองอย่างเต็มที่ ใส่เสื้อสีเดียวกันตามไปเชียร์ทุกที่ที่แข่งเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันบวกกับอุปนิสัยที่ขยันอดทนเพราะเคยลำบากมาก่อน
ดังนั้นกีฬาจึงเป็นสิ่งที่ทำให้คนทั้งประเทศได้แสดงออกถึงศักยภาพเพื่อที่จะเอาชนะประเทศอื่นๆ นำมาซึ่งการเติบโตที่รวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา
“สำหรับคนเวียดนามนอกจากมองเราเป็นคู่แข่งยังมองเราเป็นไอดอล ช่วงที่เราเริ่มเข้าไปสนับสนุนทีมเวียดนาม ทีมฟุตบอลไทยได้แชมป์มากมายและเคยใช้แกรนสปอร์ตจึงส่งผลต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ จากนั้นฟุตบอลเวียดนามก็ประสบความสำเร็จทุกระดับในอาเซียน ทำให้ยิ่งมีมุมมองที่ดีต่อเรา แม้แฟนบอลส่วนใหญ่ยังสวมเสื้อดาวทองเข้าสนามแต่แนวโน้มของเสื้อแข่งก็เพิ่มขึ้น ยอดขายเราทะลุเป้ากว่า 60% และได้ต่อสัญญาเพิ่มอีก 4 ปี ไปจนถึงปี 2023”
แนะธุรกิจหน้าใหม่คิดแบบ “Global Mindset”
ในฐานะหนึ่งในธุรกิจแบรนด์ไทยที่ประสบความสำเร็จทั้งในและต่างประเทศ เมื่อสอบถามถึงคำแนะนำของธิติต่อบรรดาเอสเอ็มอีหรือสตาร์ทอัพที่ทำธุรกิจแบรนด์กีฬาเกี่ยวกับดำเนินการธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ เจ้าตัวยอมรับว่าไม่ได้มีเคล็ดลับอะไรซับซ้อนหลักการง่ายๆคือต้องรู้ตัวเองก่อนว่า ธุรกิจที่ทำอยู่คืออะไร มีPositionและมีเป้าหมายอย่างไร สำรวจตัวเองให้รอบคอบว่าชำนาญเรื่องอะไรแล้วมุ่งไปที่เรื่องนั้น ส่วนเรื่องการขยายตลาดปยังต่างประเทศ เป็นสิ่งที่บรรดาธุรกิจเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพต้องฝึกฝนและวางวิสัยทัศน์ให้เป็น เนื่องจากในปัจจุบันการมองแค่ในประเทศอาจไม่เพียงพอเพราะนอกจากคู่แข่งในประเทศแล้วยังมีจากต่างประเทศที่พร้อมเข้ามาแย่งลูกค้าตลอดเนื่องด้วยโลกดิจิตอลทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วโลก
ดังนั้นการทำธุรกิจยุคนี้ต้องมองไปสู่ “Global Mindset” ตั้งแต่เริ่มต้นทำธุรกิจ ในกรณีที่รู้สึกว่ามีความแข็งแกร่งมีความรู้เข้าใจในประเทศดีแล้ว ก็เป็นช่วงที่เหมาะสมที่จะก้าวออกไป กลับกันกรณีที่กำลังเผชิญกับความยากลำบากต่อการทำธุรกิจในประเทศก็อย่าเพิ่งท้อถอย ทั่วโลกยังมีตลาดอีกมากมาย เพียงแต่ต้องศึกษาให้ดี
“การรุกตลาดต่างประเทศมีเรื่องของการศึกษาพื้นที่ พฤติกรรมคนท้องถิ่น การหาพันธมิตรหรือช่องทางในการจำหน่าย เพราะดีมานด์แต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน แต่การสร้าง mindset ในการมองตลาดให้กว้างเป็นเรื่องพื้นฐานสำหรับธุรกิจยุคปัจจุบันใครออกตัวได้เร็วก็จะได้เปรียบ”
ในฐานะของคนทำธุรกิจกีฬาความฝันของ “ธิติ” ย่อมคือการอยากเห็นแบรนด์กีฬาไทยได้รับความนิยมยืนหยัดอยู่ในตลาดโลกอย่างสง่าผ่าเผย
แต่หนึ่งในปัจจัยที่จะเร่งให้ธุรกิจไทยไปถึงระดับนั้นได้ นั่นคือความสำเร็จผลงานของนักกีฬาไทยในระดับสากล สิ่งนี้เองจะยิ่งเสริมให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก
ดังนั้นพันธกิจสำคัญของแกรนด์สปอร์ตและแบรนด์กีฬาอื่นๆในประเทศคือการสนับสนุนวงการกีฬาไทยทั้งเพื่อความภาคภูมิใจของชาติและต่อยอดมายังธุรกิจ
ชมคลิปการสัมภาษณ์เต็ม “ธิติ พฤกษ์ชะอุ่ม”
https://www.facebook.com/NewsWorkpoint/videos/522487448614829/
บทความสัมภาษณ์เขียนและเรียบเรียงโดย
ธนรัชต์ คูสมบัติ และ นัฐพงศ์ ชัยพงศ์