วันที่ 29 ต.ค. นายไมเคิล ฮีธ อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา เดินทางเข้าพบนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล
.
จากนั้น กล่าวถึงการหารือโดยยืนยันว่า ขณะนี้ความสัมพันธ์ของไทยและสหรัฐอเมริกาเป็นขาขึ้น จากการที่รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ส่วนกระบวนการเรื่อง สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร หรือ GSP มีการตัดสินใจมานานแล้ว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่ไทยแบน 3 สารเคมีการเกษตร
.
กรณี GSP เป็นสิทธิพิเศษที่ไทยได้รับมากว่า 30 ปี ซึ่งแม้ไทยจะถูกตัดสิทธิ์ไป แต่ก็ยังคงได้รับสิทธิพิเศษสูงที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งจากนี้จะมีการหารือกับรัฐบาลไทยในเรื่องข้อกฎหมายแรงงานว่าจะดำเนินการร่วมกันอย่างไร ซึ่งกระบวนการเรื่องตัดสิทธิ์ GSP ยังไม่สิ้นสุด
ด้านนายสมคิด กล่าวว่า เป็นการหารือเพื่อเตรียมการในการที่คณะของสหรัฐอเมริกาคณะใหญ่จะเดินทางร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนในประเทศไทย ส่วนเรื่อง GSP ตนได้สอบถามไปว่าที่ประกาศมาไฟนัลหรือยัง ซึ่งเขาตอบว่ายัง และจริงๆ แล้วมูลค่าไม่มาก แต่น่าจะพูดคุยสื่อสารกัน เพราะ 2 ประเทศเป็นมิตรกันมานาน ซึ่งคงใช้เวลาต้น พ.ย. หารือกัน
.
ส่วนเรื่องแรงงานไม่ได้มีการพูดกัน เขาไม่ได้ขอ ไม่ได้พูดเรื่องนี้เลย แต่ตนบอกว่า ในเงื่อนไข 7 ข้อ เราให้ไปตั้ง 4 ข้อแล้ว อีก 3 ข้อค่อยคุยกัน ซึ่งเขาก็เข้าใจ การพูดคุยเน้นไปที่อนาคตจะร่วมมือกันอย่างไร ส่วนเรื่อง GSP กระทรวงพาณิชย์ต้องหารือกับตัวแทนผู้แทนการค้าสหรัฐฯ
.
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งด้วยว่า “จริงๆ แล้วไทยเลยเวลาที่จะเป็น GSP มานานแล้ว GSP มีไว้สำหรับประเทศที่ด้อยพัฒนา เป็นความช่วยเหลือกันมาตั้งแต่ดั้งเดิม ทีนี้ไทยมาถึงจุดตรงนี้แล้ว ผมก็บอกเขาว่ามาถึงจุดตรงนี้แล้ว จริงๆ แล้วไทยเราพัฒนาแล้วล่ะ แต่ว่าการเป็นเพื่อนเก่ากันน่ะ เก็บไว้ก่อนสิ จะรีบร้อนไปทำไม”
.
ส่วนเรื่องการแบน 3 สารเคมี อุปทูตสหรัฐ บอกว่าเป็นความบังเอิญเรื่องเวลา ไม่ได้พูดถึงเรื่องของสารพิษ ไม่ได้พูดถึงเรื่องหมู