มือปืนกราดยิงกลางโบสถ์คาทอลิกทางตะวันตกเฉียงใต้ของไนจีเรีย มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 50 ราย

เกิดเหตุกลุ่มมือปืนกราดยิงศาสนิกชนที่กำลังร่วมพิธีมิสซาในโบสถ์คาทอลิกทางตะวันตกเฉียงใต้ของไนจีเรียเมื่อวันอาทิตย์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 50 ราย และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก

วันที่ 6 มิ.ย. 2565 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุกลุ่มมือปืนบุกโจมตีโบสถ์คาทอลิกในรัฐออนโดทางตะวันตกเฉียงใต้ของไนจีเรีย ระหว่างที่ศาสนิกชนจำนวนมากกำลังเข้าร่วมพิธีมิสซาในวันอาทิตย์ (5 มิ.ย.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 50 ราย รวมทั้งเด็กและผู้หญิง

ฟุนมิลาโย อิบูคุน โอดุนลามิ โฆษกตำรวจของรัฐออนโดเปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่โบสถ์คาทอลิกเซนต์ฟรานซิสในเมืองโอโว โดยมือปืนบุกเข้าไปกราดยิงผู้คนทั้งบริเวณภายนอกและภายในโบสถ์ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก ขณะนี้ตำรวจกำลังอยู่ระหว่างการสืบสวนหาสาเหตุการโจมตี

หลังเกิดเหตุ อาราคุนริน โอลูวาโรติมี อาเคเรโดลู ผู้ว่าการรัฐออนโด ได้รุดไปยังสถานที่เกิดเหตุด้วยตนเองและเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาล โดยเขาระบุว่า “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นการสังหารหมู่ ที่จะต้องไม่ปล่อยให้เกิดขึ้นอีก” พร้อมให้คำมั่นว่าจะเร่งตามตัวผู้ก่อเหตุมารับผิดโดยเร็ว

ทางด้านนครรัฐวาติกันได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสกำลังสวดภาวนาให้แก่เหยื่อที่ถูกทรมานอย่างเจ็บปวดในช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง ขณะที่ประธานาธิบดีมูฮัมมาดู บูฮารี ของไนจีเรีย ประณามการโจมตีครั้งนี้ว่าเป็น “ความชั่วร้าย”

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ประเทศนี้จะไม่มีวันยอมจำนนต่อซาตานและคนชั่ว ความมืดมิดจะไม่มีวันชนะแสงสว่าง” ประธานาธิบดีบูฮารีระบุ

ทั้งนี้ ไนจีเรียซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในทวีปแอฟริกา ปัจจุบันกำลังต่อสู้กับการโจมตีของกลุ่มก่อความไม่สงบอิสลามิสต์ซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และการลักพาตัวเพื่อเรียกค่าไถ่โดยแก๊งติดอาวุธที่ส่วนใหญ่มักจะก่อเหตุอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ แต่การโจมตีรุนแรงเช่นนี้มักไม่ค่อยเกิดขึ้นในพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ