Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

อาจจะถือว่าเป็นโครงการที่ปังที่สุดโครงการหนึ่งของรัฐบาลประยุทธ์ โดยเฉพาะหลังจากวิกฤตการณ์โควิด-19 ทุบซ้ำเศรษฐกิจ เพราะกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่หยุดชะงักและกำลังซื้อที่ลดต่ำลง แม้โครงการจะถูกใจผู้ซื้อ โดนใจผู้ค้า แต่พยุงกำลังซื้อได้จริง?

นายธนวรรธ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย อธิบายเกี่ยวกับผลลัพธ์ของโครงการว่า โครงการ ‘คนละครึ่ง’ ถือเป็นโครงการรัฐที่ดีและประสบความสำเร็จที่สุดในรอบหลายปี เนื่องจากการสำรวจของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยพบว่าโครงการคนละครึ่งเป็นโครงการที่ผู้บริโภคทุกระดับเห็นตรงกันว่าพึงพอใจต่างจากโครงการอื่นๆ ที่มีอาจจะเข้าถึงผู้บริโภคแค่บางส่วน สอดคล้องกับความเห็นจากผู้ค้าที่ร่วมและไม่ร่วมรายการยืนยันว่าได้รับอานิสงส์ดีจากโครงการ เนื่องจากบรรยากาศการซื้อขายคึกคักขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

นอกจากนั้น หลังจากอนุมัติโครงการในเฟสที่ 2 ทำให้คาดว่าจะมีวงเงินไหลเข้าสู่ระบบมากกว่า 60,000 ล้านบาท เมื่อคำนวณเงินที่จะหมุนในระบบ 2-3 รอบ คาดว่าจะมีวงเงินสะพัดรวมมากกว่า 100,000 ล้านบาท ทำให้จีดีพีในไตรมาสที่ 4 ขยับเพิ่มจากมาตรการนี้ราว 2% และเมื่อรวมผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการคนละครึ่ง 15 ล้านคนกับการเพิ่มวงเงินลงในโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14 ล้านคน ทำให้รวมแล้วจะมีประชาชนผู้ได้รับประโยชน์กว่า 30 ล้านคน จึงถือว่าโครงการจัดทำได้เหมาะสม

ด้านนายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษาสถาบันวิจัยภัทร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า แม้โครงการคนละครึ่งซึ่งจัดอยู่ในรูปแบบของการแจกเงินจะเป็นวิธีการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากสามารถส่งเงินลงไปถึงมือประชาชนโดยตรง รั่วไหลน้อย ไม่มีคนกลาง แต่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาแทน แต่ก็ยังมีคำถามว่าในเมื่อคนละครึ่งเป็นเพียงโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ไม่สามารถใช้ต่อเนื่องในระยะยาวได้ แล้วเศรษฐกิจไทยในช่วงหลังจากนี้ 5-10 ปีจะทำอย่างไร เมื่อดูเหมือนจะยังไม่มีภาพในอนาคตให้เห็น

“ที่สำคัญคือปัจจุบันคนกล้าลงทุนหรือไม่ ด้วยตอนนี้สภาวะเศรษฐกิจไทยมีปัจจัยทางด้านแรงงานและพลังงานที่ไม่เอื้อต่อการตัดสินใจลงทุน เนื่องจากประชากรจำนวนมากกำลังเข้าสู่วัยชราและแก๊สธรรมชาติไทยก็กำลังใกล้หมด ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่เคยนำการส่งออกมาตลอดก็ไม่สามารถตามตลาดโลกที่กำลังจะก้าวเข้าสู่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทัน อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เคยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 40 ล้านคน ปี 2564 ก็น่าจะกลับมาไม่เกิน 10 ล้านคนเท่านั้น แล้วอุปทานที่เหลืออยู่ในตลาดจะทำอย่างไร เหตุใดการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่มีงบประมาณกว่า 4 แสนล้านบาทจึงเงียบหาย”

จึงอาจก่อให้เกิดคำถามว่า‘คนละครึ่ง’ โครงการสุดปัง ถูกใจผู้ซื้อ โดนใจผู้ค้า แต่สามารถพยุงกำลังซื้อได้จริงหรือไม่และยาวแค่ไหน

ทั้งนี้ นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า แรกเริ่มโครงการ ‘คนละครึ่ง’ มีวัตถุประสงค์สำคัญ 2 ประการคือ 1.ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน 2.ช่วยกระจายรายได้สู่ผู้ประกอบการขนาดเล็ก โดยจากตัวชี้วัดทั้ง 2 ข้อถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว โดยปัจจุบันมียอดการใช้จ่ายสะสม 33,754 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 17,236 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 16,518 ล้านบาท ซึ่งปรากฎว่ามียอดใช้จ่ายจากปะชาชนมากกว่ายอดจ่ายจากรัฐบาล รวมถึงจำนวนร้านค้ายังมีอัตราการเติบโตที่ก้าวกระโดดจากหลักพันหลักหมื่นในช่วงแรกสู่ร้านค้าจำนวนหลักแสนที่ใกล้จะขยับเข้าสู่หลักล้านแล้ว

โดยคาดว่าจากการใช้จ่ายเพื่อซื้อหาอาหารและเครื่องอุปโภคบริโภคของประชาชนจะทำให้เม็ดเงินสามารถหมุนเวียนได้อย่างน้อย 2.5-3 รอบ มีผลให้สามารถขยับจีดีพีได้อีก 0.2% สำหรับที่ผ่านมา แม้จะเคยมีข้อติดขัดเรื่องเทคโนโลยีเล็กน้อยในช่วงเริ่มต้นโครงการ แต่ปัจจุบันทั้งประชาชนและผู้ค้าขายก็สามารถใช้จ่ายผ่านระบบอีเพย์เม้นท์ได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว และจากเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี คาดว่าจะสามารถใช้โอกาสจากผลตอบรับของโครงการคนละครึ่งขยายผลในแง่เศรษฐกิจดิจิทัลออกสู่ประชาชนเพิ่มอีก

ทั้งนี้ เมื่อสอบถามถึงโอกาสในการขยายผลโครงการคนละครึ่งเพิ่มเติมจากปัจจุบันออกสู่ประชาชนทั่วไปที่มีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป นายพรชัย ระบุว่า เมื่อรวมประชาชนผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่ง 2 เฟส 15 ล้านคน เข้ากับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14 ล้านคนแล้วก็จะเท่ากับมีประชาชนผู้ได้รับสิทธิกว่า 30 ล้านคนแล้วซึ่งเกือบจะเท่ากับครึ่งหนึ่งประชากรไทยซึ่งถือว่าเพียงพอแล้ว

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า