SHARE

คัดลอกแล้ว

เคยสงสัยไหมว่า เจ้าของแบรนด์ที่กำลังลงเล่นในตลาดสินค้าที่ Red Ocean มากๆ อย่างเสื้อผ้าและเมคอัพ เขาทำยังไงให้ธุรกิจอยู่รอดและไปต่อได้ ท่ามกลางผู้บริโภคที่มีตัวเลือกเยอะมาก และไม่จำเป็นต้องเลือกเราก็ได้ อีกทั้งคู่แข่งบางรายอาจจะตั้งราคาถูกกว่าขายแข่งกับเราด้วย 

อย่างเคสที่น่าสนใจ จากแบรนด์ HAPPY SUNDAY ที่ขายทั้งชุดนอน ถุงผ้า เสื้อ กิ๊ปติดผม รวมถึงเมคอัพ มีหลายโปรดักส์ให้เลือกมากๆ และแบรนด์ก็โตขึ้นทุกปี ทั้งที่สินค้าคือ Red Ocean แล้ว แบรนด์ HAPPY SUNDAY ทำอย่างไร TODAY Bizview จะมาสรุปให้ฟัง 

[ HAPPY SUNDAY สร้างแบรนด์ด้วยแนวคิดสร้างโลกให้สดใส ]

‘ภาวิดา ชิตเดชะ’ เจ้าของช่องยูทูป ICEPADIE และเจ้าของแบรนด์ HAPPY SUNDAY เล่าให้ฟังว่า ตัวเองอยู่ในวงการอินฟลูฯ มาแล้วราว 10 ปี เริ่มต้นจากคอนเทนต์แต่งหน้า หรือที่เรียกกันว่าบิวตี้บล็อกเกอร์ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้ลองผลิตภัณฑ์จากหลากหลายแบรนด์ ความหลงใหลในความสดใสและความสุขจากสิ่งเล็กๆ ทำให้เธอเริ่มต้นสร้างแบรนด์ของตัวเองในชื่อ HAPPY SUNDAY เมื่อปี 2018

“วันแรกที่สร้างแบรนด์ ไอซ์มองว่าเรากำลังสร้างโลก อยากให้คนมีความสุขในการหยิบของจากแบรนด์เรามาใช้ ถ้าสมมติเราเป็นคนแต่งหน้า เราก็มีเมคอัพจากแบรนด์เรา แต่ถ้าเราไม่แต่งหน้าก็มีสินค้าอื่นให้เลือก เพราะความสุขของคนเราไม่เหมือนกัน มันไม่ได้จำกัดแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง” 

สำหรับชื่อแบรนด์ก็ตั้งให้เรียบง่ายตรงตัว แต่เปี่ยมด้วยความหมาย “อยากให้ทุกคนมีความสุข เหมือนวันอาทิตย์” วันสบายๆ ที่ได้พัก ได้แต่งหน้าเบาๆ ด้วยลิปสีสดใส หรือเพียงแค่ได้เห็นแพ็กเกจจิ้งน่ารักๆ ก็ยิ้มออกแล้ว

ธุรกิจก็ดำเนินมาเรื่อยๆ จนถึงจุดเปลี่ยนสำคัญคือปี 2020 ที่แบรนด์ HAPPY SUNDAY ได้ซื้อลิขสิทธิ์จาก Disney ทำให้ธุรกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด และเป็นจุดพิสูจน์ว่าแบรนด์เล็กๆ ก็สามารถก้าวเข้าสู่ระดับบิ๊กได้ 

ปี 2021 ได้ทดลองเปิด Pop-up Store และได้รับผลตอบรับดีมาก แต่ยอดขายหลักก็ยังมาจากออนไลน์อยู่ 

สำหรับสินค้าที่ขายดีของ HAPPY SUNDAY เช่น ชุดนอนที่สามารถสร้างเม็ดเงินเยอะเข้ามาหาแบรนด์ได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าต้นทุนสูง โดยจุดแข็งของชุดนอนคือการมีลิขสิทธิ์ Disney ทำจากผ้าไหมอิตาลี ราคาขายอยู่ที่หลักพันต้นๆ ขึ้นไป แต่คนก็ยังซื้ออยู่ 

ไอเดียการทำชุดนอนหยิบมาจาก Pain Point ของตัวเองที่ชอบนอนมาก ประกอบกับอาชีพบิวตี้บล็อกเกอร์ ที่ตื่นเช้ามาต้องถ่ายคลิป มีชุดนอนลายน่ารักๆ ถ่ายออกมาก็ดูดีกว่าชุดนอนธรรมดามอมๆ ทำให้เป็นไอเดียในการทำชุดนอนนั่นเอง

ส่วนลูกค้าหลักของแบรนด์เป็นคนวัย 24-35 ปี กลุ่มคนจบใหม่ และกลุ่มวัยทำงานที่มีกำลังซื้อ ซึ่ง 95% ของลูกค้าหลักเป็นกลุ่มผู้หญิงและลูกสาวที่ต้องการเติมความสดใส 

ที่น่าสนใจคือสำหรับเหล่าอินฟลูฯ ที่ผันตัวมาเป็นเจ้าของธุรกิจ ความท้าทายคือถ้าแบรนด์ไม่มีเรา จะสามารถดำเนินต่อไปได้ไหม? 

‘ภาวิดา ชิตเดชะ’ เล่าให้ฟังว่าตอนแรกๆ ที่เปิดแบรนด์เรายังเป็นส่วนสำคัญในการโปรโมท แต่พอไม่กี่ปีมานี้ธุรกิจเริ่มอยู่ได้ด้วยตัวเองมากขึ้น โดยที่เปลี่ยนไปอยู่เบื้องหลังแทน และมีทีมงานในมือราวๆ 20 คนมาช่วยปั้นแบรนด์

“ถ้าเราจะทำให้ธุรกิจมันจริงจัง เราต้องทำให้ธุรกิจอยู่ได้โดยไม่ต้องมีเราก็ได้ จากเริ่มต้นแบรนด์เราคนเดียวที่ต้องทำ 10 อย่าง ทุกอย่างควบคุมได้ แต่พอจริงจังเราต้องหาทีมงานเอา 10 อย่างเหล่านั้นมากระจายให้พวกเขา เพราะว่าจริงๆ คือเราก็เปรียบเสมือนทรัพยากรที่ถูกที่สุดและก็แพงที่สุดเหมือนกัน” 

[ เปิดเบื้องหลังการทำคอนเทนต์และขายของให้ปัง ]

สำหรับในพาร์ทการทำงาน ‘ภาวิดา ชิตเดชะ’ ยังเล่าให้ฟังอีกว่าขาดไม่ได้เลยคือ iPhone เพราะต้องใช้ถ่ายคอนเทนต์ ถ่ายภาพ ตอบแชท และสื่อสาร ถัดมาก็เป็น iPad และ iMac ที่จำเป็นมากๆ ในการสร้างแบรนด์เบื้องหลัง อุปกรณ์เหล่านี้มันเชื่อมกันหมด สามารถย้ายไปทำงานได้ง่ายๆ 

นอกจากนี้ หลังจากที่ HAPPY SUNDAY ไม่ใช่แค่ของเราคนเดียว การสื่อสารสำคัญมาก ทุกคนในทีมต้องเห็นภาพ เห็นไทม์ไลน์ ก็เลยเลือกใช้แอปฯ Freeform ช่วยให้จัดระเบียบและจัดวางคอนเทนต์ได้ในรูปแบบผืนผ้าใบที่กว้างขึ้นสามารถแชร์และทำงานร่วมกันได้ในที่เดียว คล้ายๆ Mind map ผืนผ้าใบที่ไม่สิ้นสุดนี้จะขยายออกเมื่อมีการเพิ่มเนื้อหาลงบนบอร์ดเพื่อความยืดหยุ่นไม่จำกัดเมื่อทำงานกับไฟล์จำนวนมากหรือทำงานร่วมกับทีม และทุกอย่างถูกซิงก์ผ่าน iCloud อย่างไม่สะดุด

นอกจากนี้ ‘ภาวิดา ชิตเดชะ’ ยังเล่าให้ฟังอีกว่าในพาร์ทที่ตัวเองเป็นอินฟลูฯ ก็ยังอยากทำอยู่ แม้ตลาดจะมีความเปลี่ยนแปลง คนเริ่มติดตามครีเอเตอร์หน้าใหม่มากขึ้นเพราะเข้าถึงง่าย และมีความเรียล แต่เพราะตัวเขาเป็นคนที่ชอบทำในสิ่งนี้ คอนเทนต์ที่ทำก็เปลี่ยนไปตามวัย เมื่อก่อนก็เน้นคอนเทนต์แต่งหน้า ต่อมามีลูกก็คอนเทนต์เลี้ยงลูก และตอนนี้ก็เข้าสู่คอนเทนต์ธุรกิจมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ส่วนนี้ก็ยังไปต่อและไม่ได้หมดไฟกับมัน

พูดง่ายๆ ว่ากำลังเป็นทั้งครีเอเตอร์ควบคู่ไปกับการทำธุรกิจที่มีโปรเจกต์ใหม่ๆ รออยู่ 

ตลอดระยะเวลาที่เปิดมากระแสตอบรับของ HAPPY SUNDAY ก็ยังคงดีอยู่ และมีกำไร ทำให้ในอนาคตอันใกล้จะได้เห็นโปรเจกต์ใหม่ๆ เกี่ยวกับการคอลแลปฯ มากขึ้น รวมถึงสาขาหน้าร้านให้ลูกค้าได้ไปสัมผัสประสบการณ์ 

อย่างไรก็ตาม เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ เคสกรณีศึกษาของ HAPPY SUNDAY ก็น่าสนใจไม่น้อย แม้ว่าธุรกิจจะมีการแข่งขันสูง แต่ HAPPY SUNDAY ก็พิสูจน์ให้เห็นว่า ถ้าแบรนด์มีความชัดเจนในตัวตน รู้ว่าอยากสื่อสารอะไร และตั้งใจทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ก็ยังมีที่ยืนในตลาดได้เสมอ เพราะบางทีความสุขเล็กๆ ก็อาจเป็นสิ่งที่คนกำลังมองหาอยู่พอดี…

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า