SHARE

คัดลอกแล้ว

แพทย์เฉพาะทางเตือนมนุษย์ออฟฟิศนั่งทำงานถูกวิธีลดความเสี่ยง ‘โรคกระดูกสันหลัง’ หลังพบโรคที่เกี่ยวข้องกับกระดูกสันหลังและระบบประสาทในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี แนะควรเปลี่ยนอิริยาบถในขณะทำงาน โดยลุกเดินอย่างน้อยทุก 1-2 ชั่วโมง 

สถานการณ์โรคที่เกี่ยวข้องกับกระดูกสันหลังและระบบประสาท ในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะกลุ่มมนุษย์ออฟฟิศที่ต้องเร่งรีบในการทำงาน หรือนั่งทำงานเป็นเวลานาน จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าโรคปวดหลังทุกชนิดมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 33.29 และพบว่าสูงสุดในกลุ่มอาชีพรับจ้างทั่วไป, พนักงานเอกชน รองลงมาคือกลุ่มทำงานภาคเกษตรกรรม โดยพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย ช่วงอายุที่พบมากคือ 45-54 ปี รองลงมาช่วงอายุ 55-64 ปี ส่วนสาเหตุของโรคกระดูกสันหลังที่มักพบได้มากในกลุ่มคนทำงานออฟฟิศ เนื่องจากพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้ ต้องนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน โดยไม่ได้ขยับตัวหรือเปลี่ยนอิริยาบถ ทำให้กล้ามเนื้อเกิดอาการตึง และอักเสบได้

นพ.ศรัณย์ จินดาหรา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกสันหลัง โรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์เนิร์ฟ กล่าวว่า หากมีการปรับพฤติกรรมจะสามารถลดอัตราการเกิดโรคกระดูกสันหลังได้ เช่น การจัดท่าทางในการใช้คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ โดยการเสริมจอคอมพิวเตอร์ให้สูงขึ้น และขยับจอมาชิดตัวเราในท่าที่พอดีไม่ต้องก้มเงยมากเกินไป ส่วนเก้าอี้ทำงานถือเป็นส่วนสำคัญไม่ต่างจากจอคอมพิวเตอร์เพราะเก้าอี้ที่ดีควรรับสรีระของเรา ได้ เก้าอี้ที่ดีต้องมีที่พักแขน ที่รับบริเวณคอ ทำให้คอเราสบายขึ้น

อีกส่วนสำคัญที่หลายคนลืมคือ การนั่งทำงานควรมีหมอนซัพพอร์ตหลังเพื่อสรีระที่ดี โดยรวมเราควรมองเห็นหน้าจอคอมพิวเตอร์ในลักษณะหน้าตรงให้มากที่สุด และควรเปลี่ยนอิริยาบถในขณะทำงาน โดยลุกเดินอย่างน้อยทุก 1-2 ชั่วโมง หรือหากใช้โน๊ตบุ๊ค ต้องมีอุปกรณ์เสริมช่วยในการวางโน๊ตบุ๊คให้ตั้งตรง ที่สำคัญควรต้องมีคีย์บอร์ดที่แยกต่างหาก การปรับสภาพแวดล้อมจัดโต๊ะเก้าอี้และคอมพิวเตอร์ในการทำงาน ถือเป็นวิธีหนึ่งที่แพทย์แนะนำเพื่อลดความเสี่ยง

นพ.ศรัณย์ จินดาหรา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกสันหลัง โรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์เนิร์ฟ

หากเกิดภาวะเจ็บป่วยแล้ว การทำกายภาพบำบัด การออกกำลังกายถือเป็นการรักษาในระยะเริ่มต้นวิธีหนึ่ง แต่บางรายเมื่อแพทย์พบว่ามีอาการปวดเรื้อรัง สุดท้ายต้องเข้าพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด โดยปัจจุบันการรักษาโรคกระดูกสันหลังด้วย เทคนิค PSLD (Percutaneous Stenoscopic Lumbar Decompression) ถือเป็นเทคนิคที่ดีและปลอดภัยสูง ซึ่งในประเทศไทยการรักษาด้วยวิธีนี้ยังไม่เป็นที่แพร่หลายเนื่องจากขาดบุคลากรในการใช้ และแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญมีน้อยมาก

ดังนั้น โรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์ เนิร์ฟ ถือเป็นแห่งแรกที่นำเทคนิคนี้มาใช้ โดยทีมแพทย์ที่นี่มีความเชี่ยวชาญและชำนาญในเทคนิคการรักษาสมัยใหม่ ด้วยเทคนิคการส่องกล้องรักษาโรคโพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ (Percutaneous Stenoscopic LumbarDecompression : PSLD) เป็นการส่องกล้องรักษาโรคโพรงกระดูกสันหลัง

แพทย์จะสอดกล้องเอ็นโดสโคป (Endoscopic decompression) ผ่านทางแผลผ่าตัดขนาด 5.0 มิลลิเมตร โดยเลนส์ของกล้องเอ็นโดสโคป (Endoscopic decompression) จะอยู่ที่ปลายกล้อง เปรียบเสมือนดวงตาอยู่ในตัวผู้ป่วย ทำให้แพทย์สามารถมองเห็นความผิดปกติได้อย่างชัดเจน แม่นยำ เลือกตัดออกเฉพาะส่วนที่ทำให้เกิดปัญหาได้โดยไม่ต้องตัดเลาะกล้ามเนื้อส่วนที่ดีออก แต่ได้ผลการรักษาดีเทียบเท่าการผ่าตัดใหญ่ ซึ่งแต่เดิมจะต้องตัดกระดูกและกล้ามเนื้อออก ทำให้มีแผลขนาดใหญ่ ฟื้นตัวช้า นอนโรงพยาบาลหลายวัน อาจจะต้องให้เลือดและมีความเสี่ยงสูง

สำหรับทางเลือกการรักษาด้วยวิธีนี้มีข้อดีคือ แผลผ่าตัดมีขนาดเล็กมาก เพียง 0.5 เซนติเมตร สูญเสียเลือดน้อย ฟื้นตัวเร็ว หลังจากการผ่าตัดสามารถลุกขึ้นได้ และนอนโรงพยาบาลเพียง 1 คืนก็กลับบ้านได้

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า