SHARE

คัดลอกแล้ว

คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เห็นชอบมาตรการป้องกันควบคุม ‘โรคซิฟิลิส-หนองใน’ หลังพบอัตราป่วยสูงขึ้นในกลุ่มเยาวชน พร้อมรับทราบ 5 โรคที่มีแนวโน้มระบาดได้ในปี 2567 ทั้งโควิด ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก ซิกา และ ชิคุนกุนยา

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 7/2566 ในวันนี้ (27 ธ.ค. 66) ได้เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบ 2 เรื่อง โดยเรื่องแรก คือ นโยบาย มาตรการ และแนวทางปฏิบัติด้านการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่ปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เนื่องจากอัตราป่วยโรคซิฟิลิส เพิ่มจาก 11 ต่อประชากรแสนคน ในปี 2561 เป็น 18.6 ต่อประชากรแสนคน ในปี 2565

โดยโรคซิฟิลิสและโรคหนองในเพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มเยาวชน ขณะที่อัตราป่วยโรคซิฟิลิสแต่กำเนิดเพิ่มจาก 25.1 เป็น 98.2 ต่อเด็กเกิดมีชีพแสนคน โดยจะดำเนินการภายใต้หลักการพื้นฐาน คือ ประชาชนได้รับบริการด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีประสิทธิผลและคุณภาพอย่างสะดวก ทั่วถึง ไม่มีใครถูกละเลย และภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม มีส่วนร่วมให้บริการด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ยึดผู้รับบริการเป็นศูนย์กลาง เคารพสิทธิ และละเอียดอ่อนต่อเพศสภาพ ส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัย เป้าหมายสำคัญคือ ลดอัตราป่วยโรคซิฟิลิส โรคหนองใน และโรคซิฟิลิสแต่กำเนิด ให้สอดคล้องตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยยุติการแพร่ระบาดของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เป็นอันตราย เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาสาธารณสุขของประเทศภายในปี 2573

ส่วนเรื่องที่ 2 คณะกรรมการฯ เห็นชอบร่างอนุบัญญัติที่ออกตามความใน พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 รวม 2 ฉบับ คือ ร่างกฎกระทรวงเกี่ยวกับการแจ้งกำหนดวัน เวลา และสถานที่ที่พาหนะจะเข้ามาถึงด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ และร่างกฎกระทรวงเกี่ยวกับการยื่นเอกสารต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ กรณีพบเหตุอันสมควร หรือมีเหตุสงสัยว่าพาหนะที่เข้ามาจากที่ที่มีโรคระบาด ทั้งทางน้ำ ทางบก และทางอากาศ เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านฯ จะสามารถดำเนินการป้องกันควบคุมโรคได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทั้งนี้ ยังได้รับทราบความก้าวหน้าผลการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัส HPV จำนวน 1 ล้านโดสใน 100 วัน ตามนโยบาย “มะเร็งครบวงจร” ซึ่งบรรลุเป้าหมาย Quick Win และยังคงเดินหน้าฉีดวัคซีน HPV ให้มากที่สุดพร้อมจัดหาวัคซีนเพิ่ม โดยมีผู้หญิงอายุระหว่าง 11 – 20 ปี ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนอีก 1.2 ล้านคน นอกจากนี้ เสนอร่าง พ.ร.บ.โรคติดต่อ ซึ่งได้รวบรวมความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะเพื่อนำข้อมูลมาประกอบการจัดทำร่างฯ และนำเสนอตามกระบวนการนิติบัญญัติต่อไป รวมถึงรับทราบสถานการณ์โรคติดต่อและการพยากรณ์โรคติดต่อที่มีแนวโน้มเกิดการระบาดได้ในปี 2567 ดังนี้

1. โรคติดต่อทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคโควิด 19 มาตรการป้องกันเน้นกลุ่มเสี่ยง 608 ลดเสี่ยงปอดอักเสบรุนแรง โดยฉีดวัคซีนประจำปีในกลุ่มเสี่ยง 608 ตรวจ ATK เมื่อป่วย หากผลบวกไปพบแพทย์ทันที และสวมหน้ากากเมื่อป่วย หรือใกล้ชิดเด็กเล็กและกลุ่ม 608 และโรคไข้หวัดใหญ่ แนะนำประชาชนฉีดวัคซีนประจำปี ลดติดเชื้อ ลดเสี่ยงปอดอักเสบ โดยขยายฉีดวัคซีนในเด็ก 6 เดือน – 5 ปี หากมีไข้สูง หอบเหนื่อย รีบพบแพทย์ทันที และสวมหน้ากากเมื่อป่วย หรือใกล้ชิดเด็กเล็กผู้สูงวัย ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง

2. โรคติดต่อนำโดยแมลง ได้แก่ โรคไข้เลือดออก โรคติดเชื้อไวรัสซิกา และโรคชิคุนกุนยา มีมาตรการป้องกันควบคุมโรค โดยผู้ป่วยที่มาโรงพยาบาลและได้รับการวินิจฉัย 3 โรคนี้ ให้แพทย์สั่งจ่ายยาทากันยุง จัดกิจกรรมกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายต่อเนื่อง รวมทั้งเน้นการสื่อสารประชาสัมพันธ์ หากสงสัยไข้เลือดออก โดยเฉพาะผู้ใหญ่รีบพบแพทย์ และงดทานยา NSAID ลดเสี่ยงภาวะแทรกช้อน สำหรับพื้นที่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสซิกา เน้นหญิงตั้งครรภ์ต้องป้องกันการถูกยุงกัด และกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย

นอกจากนี้ ยังคงเฝ้าระวังและให้คำแนะนำในการป้องกันควบคุมโรคในกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ โรคฝีดาษวานร เอชไอวี/เอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยย้ำกลุ่มเสี่ยงลดการสัมผัสแนบชิดกับคนแปลกหน้า หรือมีเพศสัมพันธ์ที่มีความเสี่ยง หากสงสัยป่วยให้รีบพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษา ซึ่งปัจจุบันมียาต้านไวรัส สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือเสี่ยงต่อป่วยรุนแรง ส่วนโรคหัด เน้นการสื่อสารให้ผู้ปกครองพาบุตรหลานไปฉีดวัคซีน MMR ให้ครบ 2 เข็มในเด็กอายุ 9 เดือน (เข็มที่ 1) และอายุ2 ปีครึ่ง – 4 ปี (เข็มที่ 2)

ส่วนสถานการณ์โรคไอกรนที่เพิ่มขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ จ.ปัตตานี ยะลา นราธิวาส พบผู้ป่วยยืนยันรวม 229 ราย จะเร่งรัดการฉีดวัคซีนไอกรนในเด็กอายุ 6 สัปดาห์ – ต่ำกว่า 7 ปี ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับวัคซีนไม่ครบถ้วน และในหญิงตั้งครรภ์ เพื่อถ่ายทอดภูมิคุ้มกันไปยังทารกในครรภ์ ให้ทารกมีภูมิคุ้มกันต่อโรคไอกรนก่อนถึงระยะเวลาที่สามารถรับวัคซีนได้

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า