เชื่อว่าไม่มีครอบครัวไหนที่ไม่มีปัญหาเรื่องการดูแลพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย อากงอาม่า หรือญาติผู้ใหญ่ที่เป็นคนป่วย

ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ อย่างการพาไปรับ-ส่งและดูแลเฝ้าไข้ที่โรงพยาบาล ไปจนถึงต้องดูแลผู้สูงอายุที่เป็นผู้ป่วยพิการ ติดเตียง หรือต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด จนทำให้ลูกๆ หลานๆ ต้องผันตัวมาเป็นผู้ดูแลผู้ป่วย หรือหลายบ้านที่ไม่มีเวลาหรือไม่มีคนดูแลอาจต้องจ้างใครสักคนมาเป็นผู้ดูแลผู้ป่วยให้ แต่ก็แลกมากับราคาค่าจ้างที่ไม่แน่นอน ความรู้ความสามารถของผู้ดูแลที่ไม่อาจแน่ใจได้ว่าดูแลญาติของเราได้อย่างถูกต้องปลอดภัยหรือไม่ รวมถึงความไว้เนื้อเชื่อใจจะให้คนแปลกหน้ามาอยู่ในบ้าน 

นพ.คณพล ภูมิรัตนประพิณ (หมอตั้ม) เล็งเห็นถึงปัญหานี้ระหว่างที่ทำงานเป็นอายุรแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ ช่วงเวลาที่ทำงานอยู่คุณหมอตั้มพบข้อเท็จจริงว่า หลังจากผู้ป่วยได้รับการรักษาหรือผ่าตัดเสร็จแล้ว มีผู้ป่วยที่เป็นผู้สูงอายุหลายท่านที่ยังไม่พร้อมจะกลับบ้าน ยังต้องการการดูแลอย่างต่อเนื่อง กลับบ้านไปก็ไม่รู้ว่าต้องดูแลตัวเอง หรือญาติจะดูแลต่อยังไง ผู้ป่วยรักษาจากโรงพยาบาลเรียบร้อยก็จริง และมันยังมีช่องว่างช่วงหนึ่งที่ผู้ป่วยยังไม่หายดี 100% และยังไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันอย่างปกติได้

“ผู้ป่วยหลายท่านก็จำเป็นต้องเปลี่ยนสถานะ เป็นผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง ต้องมีคนช่วยดูแล ทำให้ตัวเขาและญาติอาจยังทำตัวไม่ถูก กลับบ้านมาไม่เหมือนเดิมกับตอนที่ออกมา เราเลยเห็นว่ามันมีปัญหาในส่วนนี้ ซึ่งทำให้เรานึกถึงช่วงที่เราไปเรียนที่นิวยอร์ก อเมริกา เราเห็นเขามีสิ่งที่เรียกว่า Home Health Care เป็นบริการของโรงพยาบาลที่มันต่อยอดการดูแลออกไปที่นอกโรงพยาบาล เราเลยคิดว่าอยากให้ที่เมืองไทยมีบริการแบบนี้บ้าง”

จึงทำให้ในที่สุดคุณหมอตั้มผันตัวเองมาเป็น CEO & Co-Founder ของ Health at Home บริษัทที่ให้บริการดูแลผู้ป่วยสูงอายุโดยเฉพาะ จัดหาผู้ดูแลที่เหมาะสม และดูแลติดตามอาการของผู้ป่วยพร้อมให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดและอย่างเป็นระบบ

CarePro ความหวังของทั้งผู้ป่วยและเส้นทางอาชีพที่มั่นคงของคนไทย

Health at Home ให้บริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน ด้วยผู้ดูแลมืออาชีพที่เรียกว่า CarePro ที่เป็นศัพท์เรียกเฉพาะของ Health at Home เท่านั้น ที่นอกจากจะมีผู้ดูแลคอยให้บริการผู้ป่วยอยู่ข้างๆ ตลอดเวลาแล้ว ทาง Health at Home ยังมีทีมงานหลังบ้านที่คอยให้คำปรึกษา เก็บข้อมูลเฉพาะของผู้ป่วยแต่ละคนอย่างละเอียด ติดตามอาการของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดอีกด้วย

บริการของ Health at Home มีให้เลือกทั้งแบบการดูแลผู้ป่วยสูงอายุระยะสั้นเพียง 1 วัน เช่น การอาสาพาไปโรงพยาบาล และพากลับบ้าน หรือดูแลผู้ป่วยในระยะ 3-5 วัน ที่อาจจะเข้าไปช่วยดูแลผู้ป่วยในช่วงที่ผู้ดูแลหลัก หรือลูกหลานที่บ้านติดธุระ หรืออยากใช้เวลาพักผ่อนส่วนตัว ไปจนถึงบริหารดูแลผู้ป่วยระยะยาวเป็นเดือนหรือปี โดยมีค่าบริการเริ่มต้นที่ 1,230 บาทต่อวัน และ 19,900 บาทต่อเดือน ผู้ดูแล หรือ CarePro สามารถให้บริการดูแลผู้ป่วยได้ทั้งที่โรงพยาบาล หรือที่บ้านของผู้ป่วยก็ได้ โดยราคาจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาให้บริการ อาการของผู้ป่วยว่าต้องการการดูแลมากน้อยแค่ไหน 

นอกจากผู้ป่วยจะได้รับบริการจากผู้ดูแลมืออาชีพที่มีความรู้ความสามารถในการดูแลผู้ป่วยอย่างแท้จริง รวมถึงได้รับการบริการจากทีมงานหลังบ้านที่คอยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับอาการของผู้ป่วยอยู่ตลอดเวลาแล้ว CarePro ยังเป็นอาชีพที่เปลี่ยนชีวิตคนไทยให้มีความรู้ความสามารถเพิ่มเติม เพื่ออาชีพที่มั่นคง พร้อมกับรายได้ที่เหมาะสมได้อีกด้วย

หมอตั้มเล่าว่า Health at home เปิดกว้างในการรับสมัครผู้ดูแล โดยไม่ได้จำกัดว่าต้องมีปริญญา เพียงแค่มีใจที่รักในการดูแลผู้สูงอายุ หากยังไม่มีประสบการณ์ทางบริษัทมีทุนในการศึกษาเพื่อเข้ารับการอบรมได้ฟรี ข้อแม้เพียงอย่างเดียวคือ ต้องไม่มีประวัติอาชญากรรม และไม่มีโรคติดต่อใดๆ

จากนั้นทางบริษัทจะตรวจความสามารถในการดูแลผู้ป่วยเบื้องต้น เช่น การวัดสัญญาณชีพ  การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย การใช้อุปกรณ์ในการทํากายภาพบําบัดเบื้องต้น เพื่อทดสอบความสามารถเบื้องต้น นอกจากนี้ยังทดสอบทักษะในการสื่อสาร การพูดคุย และดูว่ามีใจรักในการบริการในดูแลผู้สูงอายุมากน้อยแค่ไหน

เพื่อผ่านการคัดเลือกรอบแรกแล้ว ผู้สมัครจะต้องเข้าอบรมหลักสูตรการดูแลผู้ป่วยของทาง Health at Home ที่มีสถาบันในการอบรมผู้ดูแลของตัวเองโดยเฉพาะ ที่ทางบริษัทได้ร่วมมือกับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) หรือ TPQI ในการรับรองหลักสูตรผู้ดูแลมืออาชีพ ทำให้เป็นสถาบันรับรองคุณวุฒิของผู้เข้าอบรมเป็นเรื่องเป็นราว หลังจากผ่านการอบรมหลายชั่วโมง ผู้เข้าอบรมต้องผ่านการทดสอบปฏิบัติงานจริงกับผู้ป่วยทุกรูปแบบ จึงจะสามารถทำงานเป็นผู้ดูแล หรือ CarePro ของที่นี่ได้ แล้วยังสามารถนำใบประกาศนียบัตรที่รับรองคุณวุฒิในการเป็นผู้ดูแลผู้ป่วยไปต่อยอดทำอาชีพที่อื่นในอนาคต เช่น ทำงานเป็นผู้ดูแลผู้ป่วยในต่างประเทศ ได้อีกด้วย

Health at Home vs ผู้ดูแลผู้ป่วยทั่วไป

Health at Home น่าจะเป็นที่แรกที่เป็นบริษัทจัดตั้งอย่างเป็นทางการ เพื่อให้บริการดูแลผู้ป่วยสูงอายุอย่างมืออาชีพ และผู้ดูแลทุกคนได้รับการรับรองคุณวุฒิเป็นอย่างดี จึงทำให้ Health at Home แตกต่างจากบริการผู้ดูแลทั่วไปที่อาจจะโพสต์ลงเฟซบุ๊กเพื่อทำงานเป็นผู้ดูแลเอง หรือศูนย์ส่งตัวผู้ป่วยที่ทำกันเองแบบไม่ได้จดการให้บริการเป็นรูปแบบของบริษัท ซึ่งเมื่อเกิดปัญหาตามมาทีหลัง อาจทำให้การจัดการต่างๆ เป็นเรื่องยาก

เช่น เมื่อผู้ดูแลทำข้าวของเสียหาย หรือมีปัญหาใดๆ กับทางผู้ป่วย หรือญาติของผู้ป่วย ทางบริษัทจะเข้าช่วยเจรจาแก้ปัญหา รวมถึงชดเชยในส่วนที่เสียหายได้ เป็นต้น

เลือกผู้ดูแลที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแบบ perfect match

ทาง Health at Home ไม่ได้เก็บข้อมูลอย่างละเอียดจากผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังเก็บข้อมูลของผู้ดูแลเพื่อจับคู่กับผู้ป่วยอย่างเหมาะสมอีกด้วย

หมอตั้มบอกว่า “เราเก็บข้อมูลของผู้ป่วยว่าเป็นโรคอะไร ระดับอาการเป็นยังไง ต้องการการดูแลแบบไหน ไปจนถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น ที่บ้านของผู้ป่วยมีสัตว์เลี้ยงหรือเปล่า ชอบอะไร ไม่ชอบอะไรเป็นพิเศษไหม ชอบคนพูดเยอะ หรือคนพูดน้อย ทั้งหมดนี้เราเก็บเป็นข้อมูลเพื่อนำมาจับคู่กับความสามารถ และลักษณะของผู้ดูแลของเราว่าเหมาะสมกับผู้ป่วยท่านไหนมากที่สุด”

โดยข้อมูลเหล่านี้จะถูกเก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดีตามกฎ PDPA ในเว็บไซต์ที่มีการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอย่างแน่นหนา ซึ่งเป็นระบบที่ทาง Health at Home จัดทำขึ้นมาเอง และมีทีมงานคอยดูแลจัดการข้อมูลให้เป็นไปตามระบบและมีความเป็นส่วนตัวมากที่สุด และ Health at Home ก็ดูแลข้อมูลเหล่านี้โดยไม่มีปัญหามาตลอด 8 ปีที่ผ่านมา

ฝ่าฝันอุปสรรคช่วงโควิด-19 มาได้อย่างปลอดภัย

ไม่มีธุรกิจใดไม่ได้รับผลกระทบจากช่วงโควิด-19 ระบาด Health at Home ก็เช่นกัน เมื่อผู้ดูแลต้องให้บริการดูแลผู้ป่วยที่สุขภาพอ่อนแออย่างใกล้ชิด จึงเป็นเรื่องที่ทุลักทุเลในช่วงแรกๆ ว่าจะจัดการตรวจ ATK ผู้ดูแลกันอย่างไรบ้าง และต้องให้ผู้ดูแลฉีดวัคซีนให้ครบ

นอกจากนี้ยังมีปัญหาใหญ่ คือ ไม่สามารถเพิ่มจำนวนผู้ดูแลใหม่ๆ ได้ เนื่องจากมีกฎข้อบังคับต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย เช่น มีเคอร์ฟิว ห้ามเดินทางข้ามจังหวัด ห้ามมีการชุมนุมหรือรวมตัวผู้คน ต้องจัดอบรมผ่านออนไลน์แทน ฯลฯ ถือเป็นช่วงที่ท้าทายมากสำหรับบริษัท

แต่สุดท้ายเมื่อผ่านปีแรก เข้าสู่ปีที่สองของช่วงโควิดระบาด ทุกอย่างเริ่มลงตัวเข้าที่เข้าทาง บริษัทเปิดอบรมที่สถาบันได้ ผู้ดูแลได้รับวัคซีนครบ ทุกอย่างก็เริ่มกลับมาให้บริการได้ตามปกติ และผ่านพ้นช่วงวิกฤตินั้นมาได้ แม้ว่าจะใช้พลังงานและต้องแก้ไขสถานการณ์ต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในช่วงนั้นไปมากพอสมควร แต่ด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ และการคงไว้ซึ่งมาตรฐานในการให้บริการที่ดีอยู่เสมอ รวมถึงความต้องการในตลาดนี้ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทยังคงให้บริการและเติบโตอย่างมั่นคงมาได้จนถึงปัจจุบัน

เสียงตอบรับทั้งจากลูกค้า และทีมงาน

หมอตั้มเล่าด้วยความภูมิใจว่า หลังจากเปิดให้บริการ Health at Home มานานจนเข้าสู่ปีที่ 8 หมอตั้มเชื่อว่า Health at Home เป็นเบอร์หนึ่งของการให้บริการผู้ป่วยสูงอายุโดยผู้ดูแลมืออาชีพในไทย เป็นบริษัทที่เติบโตอย่างมั่นคงมากขึ้นเรื่อยๆ และได้รับกระแสตอบรับอย่างดีเรื่อยมาจากผู้ใช้บริการโดยแนะนำกันปากต่อปาก ทำให้มีลูกค้าใช้บริการอย่างต่อเนื่องมาตลอด

ในส่วนของผู้ดูแล ก็ทำให้ทางหมอตั้มและทีมงานภูมิใจที่ได้สร้างงาน สร้างอาชีพให้กับพวกเขาเหล่านั้น พี่ๆ ผู้ดูแลหลายคนสามารถทำงานส่งเงินเลี้ยงลูกจนเรียนจบปริญญา จบเป็นพยาบาลมาดูแลผู้ป่วยเหมือนแม่ หรือช่วยปลดหนี้ให้กับคุณพ่อคุณแม่ของตัวเองได้ พอได้เห็นคุณภาพชีวิตของพี่ๆ ผู้ดูแลรวมถึงครอบครัวของพวกเขาดีขึ้น ก็ทำให้หมอตั้มมีกำลังใจที่จะสานต่อและพัฒนาธุรกิจบริการนี้ให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป

อนาคตของ Health at Home

หมอตั้มบอกว่า ทาง Health at Home มีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยดูแลระบบการให้บริการ และการจัดการข้อมูลต่างๆ อยู่เสมอ นอกจากการพยายามปรับปรุงระบบจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากให้เป็นระบบระเบียบมากขึ้น เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา และเข้าถึงได้ง่ายทั้งในรูปแบบของคอมพิวเตอร์ มือถือ และแท็บเล็ตแล้ว ยังต้องสามารถเข้าถึงผ่าน LINE แอปพลิเคชันที่ Health at Home เปิดให้บริการติดต่อสื่อสาร และให้ข้อมูล ให้บริการต่างๆ จากทีมงานมาโดยตลอด รวมถึงเอไอต่างๆ ที่ทางบริษัทอาจนำมาใช้เพื่อนำมาปรับปรุงการให้บริการให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต

ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการของ Health at Home ได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-080-3936 เวลา 09:00-17:00 ทุกวัน และ LINE @healthathome รวมถึงเว็บไซต์ healthathome.in.th