ในรอบประวัติศาสตร์! Hermès มูลค่าบริษัท แซงหน้า LVMH แล้ว

ยอดขายสินค้าแบรนด์เนมชะลอตัวมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ด้วยพิษเศรษฐกิจคนหันมารัดเข็มขัดจากสินค้าฟุ่มเฟือย เห็นได้ชัดจากตลาดช้อปปิ้งแบรนด์เนมใหญ่ของโลกอย่าง ‘จีน’ ที่ซบเซาลงอย่างมาก หรือถ้าต้องการช้อปจริงๆ ก็หันไปซื้อ ‘แบรนด์เนมมือสอง’ แทน เพราะประหยัดกว่า สภาพเศรษฐกิจและพฤติกรรมการประหยัดขึ้นทำเครือแบรนด์หรูใหญ่อย่าง LVMH, Kering รายได้หด มูลค่าบริษัทตก ตั้งแต่ปีที่แล้ว  

มาปีนี้วิกฤตของสินค้าแบรนด์เนมยังไม่มีที่สิ้นสุด แถมยังเกิดเหตุการณ์พลิกล็อกที่เขย่าวงการแฟชั่นหรูทั่วโลก นั่นก็คือ ‘Hermès’ แซงหน้า LVMH ที่เป็นเจ้าตลาดมานาน

ขึ้นแท่นเป็นบริษัทที่มี ‘มูลค่าตลาดสูงสุด’ ในฝรั่งเศส และกลายเป็นอันดับ 3 ของยุโรป เป็นรองเพียง SAP และ Novo Nordisk เท่านั้น

[ ทำไม LVMH โดนแซงหน้าได้ ]

เหตุผลมาจากตลาดใหญ่ที่นิยมซื้อสินค้าแบรนด์เนมอย่าง ‘จีน’ กำลังซบเซา มากไปกว่านั้น ‘สหรัฐฯ’ ที่เป็นตลาดรองของยอดขายสินค้าลักชัวรี่ เริ่มชะลอตัวลง ส่งผลให้ LVMH รายงานยอดขายไตรมาสแรกปี 2025 ที่ตกต่ำกว่าคาด หุ้นร่วงทันที 7.8% ภายในวันเดียว (15 เม.ย. 2568)

ท่ามกลางความซบเซาแต่ Hermès กลับยืนหยัดท่ามกลางมรสุม ด้วยกลยุทธ์ที่เรียบง่ายแต่เฉียบ รักษาความพรีเมียม และจำกัดจำนวน ไม่วิ่งไล่ตามยอดขาย แต่เลือกขายให้เฉพาะกลุ่มเศรษฐีตัวจริง ทำให้มูลค่าตลาดของ Hermès พุ่งแตะ 249,000 ล้านยูโร (ราว 9.34 ล้านล้านบาท) แซง LVMH ที่อยู่ที่ 244,000 ล้านยูโร (ราว 9.15 ล้านล้านบาท) ไปเลยทีเดียว

ถือเป็นการแซงมูลค่ากันในรอบประวัติศาสตร์แบรนด์หรูเลยก็ว่าได้

[ ถึงเวลาเอาคืน Hermès ทำกำไรต่อหน่วยสูง แถมมูลค่าบริษัทยังแซงหน้า ]

เรียกได้ว่านี่อาจเป็นแมตซ์เอาคืนที่หลายคนตั้งตารอ เพราะถ้าย้อนกลับไปในปี 2010 ‘Bernard Arnault’ ซีอีโอของ LVMH เคยพยายามเข้าซื้อ Hermès ด้วยการสะสมหุ้นแบบเงียบๆ จนทำให้ครอบครัว Hermès ต้องจับมือกันปกป้องบริษัทไว้จากการ “ฮุบกิจการ” หลังจากนั้น Hermès ก็ดำเนินธุรกิจมาเรื่อยๆ ตามสไตล์คือขายของไม่กี่อย่าง ไม่ได้ขายให้ทุกคน มีกฏเกณฑ์ในการซื้อ และสินค้าแต่ละชิ้นที่ขายก็เน้นราคาสูงไปเลย 

ขณะที่ LVMH ก็เข้าซื้อแบรนด์ต่างๆ มาไว้ในเครือเรื่อยๆ ขยายร้านค้า ฐานลูกค้าไปมากกว่าเดิม มีสินค้าให้เลือกเยอะ ราคาตั้งแต่จับต้องได้ค่อนข้างสูงไปถึงราคาสูงลิบเลย โดยที่ LVMH มีแบรนด์ในเครือมากกว่า 75 แบรนด์ ครอบคลุมทั้งหมด 6 หมวดหมู่ธุรกิจหลัก แม้แต่ Sephora เชนเครื่องสำอางระดับโลก ก็อยู่ในเครือนี้ ความยิ่งใหญ่ของธุรกิจทำให้ถูกยกย่องเป็นตัวพ่อในวงการแบรนด์หรูมานาน

และถ้ามาดูในปี 2024 Hermès ไม่ได้สร้างรายได้ในระดับเดียวกับ LVMH เลย เพราะ Hermès มีรายได้ 1.52 หมื่นล้านยูโร (5.7 แสนล้านบาท) เทียบกับ LVMH ที่ทำได้ถึง 8.47 หมื่นล้านยูโร (3.18 ล้านล้านบาท)

แต่ในรอบนี้สิ่งที่ทำให้ Hermès ชนะคือ “กำไรต่อหน่วยสูง” จากสินค้าที่ราคาสูงและไม่ลดแลกแจกแถม อีกทั้งยังมี “คิวรอซื้อ” อย่างกระเป๋า Birkin หรือ Kelly ที่แม้จะมีราคาขั้นต่ำประมาณ 375,000 บาท แต่กลับมีคนพร้อมรอข้ามปีนั่นเอง

‘Jelena Sokolova’ นักวิเคราะห์จาก Morningstar ให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกไม่แน่นอน คนจะเลือกสิ่งที่มั่นคงและมีคุณภาพ และ Hermès คือตัวแทนของสิ่งนั้น

อย่างไรก็ตาม ‘Axel Dumas’ ทายาทรุ่นที่ 6 ของตระกูล Hermès ยังคงบริหารกิจการด้วยตนเอง และปัจจุบันถูกจัดให้เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในยุโรป ด้วยทรัพย์สินรวมราว 171 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6.24 ล้านล้านบาท) แต่มูลค่าความมั่งคั่งยังไม่สามารถเทียบเท่าตระกูล ‘Arnaul’ ได้อยู่ดี

เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Hermès เคยมีมูลค่าตลาดแตะไปถึง 300 พันล้านยูโร (ประมาณ 11.55 ล้านล้านบาท) แต่ความกังวลด้านเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเรื่องสงครามการค้า ได้กดดันกลุ่มธุรกิจสินค้าหรูทั่วทั้งอุตสาหกรรม ต้องมาดูกันต่อว่า Hermès จะมูลค่าแซงหน้า LVMH ไปได้อีกนานแค่ไหน เพราะที่แน่ๆ อุตสาหกรรมแบรนด์หรูนี้ แม้กำลังซื้อจะซบเซาแต่การแข่งขันก็ยังต้องดุเดือดอยู่ 

ที่มา

• • • • https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-04-15/hermes-market-value-surpasses-lvmh-which-once-tried-to-buy-it?sref=LQZclhPm