SHARE

คัดลอกแล้ว

สำหรับคนไทย ร้านวัตสัน (Watsons) เป็นเพียงแค่ร้านขายสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามที่มีโปรโมชันเด็ด ๆ ตามห้างสรรพสินค้า และไฮเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ 

ความจริงแล้ว Watsons ไม่ได้เป็นเพียงแค่ร้านขายสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามเท่านั้น แต่เป็นอาณาจักรด้านไลฟ์สไตล์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนแห่งแรก ๆ ที่มีประวัติศาสตร์ร่วมกับเกาะฮ่องกงมานานเกือบ 200 ปี และยังดำเนินธุรกิจร้านไวน์ ร้านน้ำหอม ร้านขายสินค้าอิเล็คทรอนิสก์ ไปจนถึงเครื่องดื่มด้วย

อะไรที่ทำให้ร้านขายยาเล็ก ๆ กลายเป็นอาณาจักรด้านความงามระดับโลกที่รองรับลูกค้า 5.5 พันล้านคนต่อปี มีสาขาเกือบ 2 หมื่นสาขาใน 28 ประเทศ และอยู่มานานกว่า 2 ทศวรรษ

ร้านขายปลีกแห่งแรกๆ บนเกาะฮ่องกง

ถึงแม้ว่าชื่อร้านจะมาจากชื่อของนพ.โทมัส บอสเวล วัตสัน (Thomas Boswell Watson) แต่จุดเริ่มต้นของร้านขายยาแห่งนี้ ไม่ได้เริ่มต้นมาจากคุณหมอวัตสัน

ในปี 1841 อังกฤษประกาศยึดฮ่องกงจากจีน บรรดาบริษัทต่างชาติเห็นโอกาส จึงเข้ามาซื้อที่ดินเพื่อทำธุรกิจ 

นพ.อเล็กซานเดอร์ แอนเดอร์สัน และนพ.ปีเตอร์ ยัง ศัลยแพทย์จากกองทัพเรือของอังกฤษอาสาช่วยงานอยู่ใน ‘ร้านขายยากว่างโจว’ (Canton Dispensary) ร้านขายยาและร้านเคมีภัณฑ์แห่งแรกที่วางเครื่องขายน้ำอัดลมในจีน เล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจ จึงเดินทางมาเปิดร้านขายยาฮ่องกง (Hong Kong Dispensary) ในฮ่องกง

หลังจากนั้นไม่นาน ในปี 1848  นพ.โทมัส บอสเวล วัตสัน เดินทางมาจากสหราชอาณาจักรมาที่ฮ่องกง เขาเริ่มจากการซื้อกิจการคลินิครักษาโรคจากคุณหมอแอนเดอร์สัน หุ้นส่วนร้านขายยาฮ่องกง

12 ปีต่อมาเข้ามาร่วมหุ้นกิจการร้านขายยาฮ่องกงด้วย แต่สุขภาพของนพ.วัตสันเริ่มแย่ลงเรื่อย ๆ เขาเลยขอให้หลานชายชื่ออเล็กซานเดอร์ วัตสัน (Alexander S. Watson) เภสัชกรวัย 22 ปีเข้ามาควบคุมดูแลกิจการต่อจากเขา

สมัยนั้น ฝิ่นยังไม่เป็นสารเสพติดอย่างในทุกวันนี้ จึงมีการใช้ฝื่นเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถขายฝิ่นได้ เพราะอังกฤษใช้กฎหมายอาณานิคม อนุญาตให้เฉพาะหมอ นักเคมี และเภสัชกรที่เรียนจบจากยุโรปหรืออเมริกาที่จะสามารถใช้ฝิ่นเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ได้เท่านั้น

ร้านขายยาฮ่องกงกลายเป็นร้านค้าฝิ่นและสารเสพติด เพื่อระงับอาการปวดและเพื่อการผ่อนคลายรายใหญ่ จนเป็นบริษัทที่มีการจดทะเบียนเป็นลำดับที่ 15 ของฮ่องกง 

หากจะเรียกว่าเป็นบริษัทที่เก่าแก่ที่สุดในฮ่องกงก็ไม่ผิด

ในปี 1862 กิจการร้านขายยาฮ่องกงเริ่มผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของตัวเอง โดยใช้ชื่อ A.S. Watson บนซองยาของร้านและจุดเริ่มต้นนี้จึงนำมาสู่การเปลี่ยนชื่อกิจการเป็นร้าน A.S. Watson ตามชื่อของวัตสันด้วย

เมื่ออเล็กซานเดอร์ วัตสันเสียชีวิตในปี 1865 จอน์น เดวิด ฮัมฟรีย์ส (John David Humphreys) พนักงานบัญชีของร้านกลายเป็นเจ้าของร้านขายยาแห่งนี้แต่เพียงผู้เดียว ด้วยชื่อเสียงของร้าน Watsons ที่โด่งดังแต่เดิมอยู่แล้ว ฮัมฟรีย์สจึงขยับขยายกิจการให้ใหญ่โตกว่าเดิม และขยายสาขาไปจีนและฟิลิปปินส์

เปลี่ยนฝิ่นเป็นมอร์ฟีน กลยุทธ์ลับที่ทำให้ Watsons เติบโต

ต่อมา ฮัมฟรีย์สเรียก เฮนรี ฮัมฟรีย์ส (Henry Humpherys) ลูกชายคนโตที่เพิ่งเรียนจบด้านเภสัชศาสตร์เข้ามาช่วยดูแลเรื่องกลยุทธ์ธุรกิจ งานแรกที่เขาได้รับมอบหมายคือการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าสินค้า แล้วนี่คือจุดเปลี่ยนให้ร้าน Watsons เป็นผู้ครองตลาดสารทดแทนฝื่น หรือมอร์ฟีน

เฮนรีแนะนำให้พ่อของเขาและผู้ถือหุ้นลงทุนด้านโฆษณา และการโปรโมทมอร์ฟีน เพื่อสร้างความต้องการของผู้บริโภค หลังจากนพ.จอห์น เคอร์ (John Kerr) มิชชันนารีอเมริกันแนะนำว่ามอร์ฟีนคือสารทดแทนฝิ่นที่บรรดาแรงงานหรือกุลีใช้ เพราะราคาถูกกว่าฝิ่นถึง 80% ร้าน Watsons จึงมีคนมาต่อแถวยาวเหยียด เพื่อรอซื้อมอร์ฟีนทุกเช้า

มอร์ฟีนกลับทำให้กลุ่มผู้ปลูกฝิ่นที่ได้รับอนุญาตจากอาณานิคมอังกฤษสูญเสียรายได้มหาศาล อังกฤษจึงออกกฎหมายห้ามฉีดมอร์ฟีนโดยไม่ได้รับอนุญาต ร้าน Watsons เลยใช้โอกาสนี้ขยายตลาด ส่งออกมอร์ฟีนไปขายในจีน เกาะฟอร์โมซา (ไต้หวัน) และอาเซียน

เปลี่ยนเจ้าของเป็นทุนใหญ่ สู่การเติบโตระดับโลก

ในปี 1901 วันสันมีร้านขายยามากกว่า 100 สาขา ทั้งในจีน ฮ่องกง และฟิลิปปินส์แล้ว ต่อมาอีกสองปี Watsons มองว่าน้ำดื่มในท้องถิ่นยังไม่ค่อยมีคุณภาพ ซึ่งการรักษาคนไข้ที่ดีคือการดื่มน้ำสะอาดควบคู่กับยา จึงผลิตน้ำดื่มยี่ห้อ Watsons ออกมา เพื่อสร้างโอกาสใหม่ทางการตลาด

Watsons เติบโตอย่างต่อเนื่อง จนเจอจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญอีกครั้ง เมื่อ Hutchison Group บริษัททุนยักษ์ใหญ่ของฮ่องกงได้เข้ามาควบคุมกิจการร้าน Watsons ทั้งหมดในปี 1963 แล้วนั่นคืออีกจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ Watsons ไม่ได้เป็นเพียงร้านขายยาอีกต่อไป

หลังจากนั้น A.S. Watson Group ได้ลองเปิดกิจการใหม่ ๆ ตั้งแต่ร้านอาหาร ร้านไอศครีม ร้านขายชุดชั้นใน ร้านค้าปลีกอื่น ๆ และเริ่มขยายกิจการออกไปในต่างประเทศ 

จากนั้น A.S. Watson ได้เข้าซื้อกิจการ ‘ParknShop’ ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ใหญ่ที่สุดในฮ่องกง ‘FORTRESS’ ร้านอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์รายใหญ่ของฮ่องกง พร้อมกับขยายกิจการร้าน Watson’s Wine ในฮ่องกงอีกด้วย

ส่วนในต่างประเทศ A.S. Watson ตัดสินใจบุกเข้าตลาดยุโรปด้วยการเข้าซื้อกิจการ Badaracco ผู้จัดจำหน่ายไวน์สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ และ Kruidvat Group เจ้าของกิจการร้านด้านสุขภาพและความงามรายใหญ่ของยุโรป 

A.S. Watson Group จึงกลายเป็นอาณาจักรด้านสุขภาพและความงามที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีร้านค้าใน 28 ประเทศทั่วโลก มีลูกค้ามากกว่า 5.5 พันล้านคนต่อปี และมีรายได้ในปี 2022 ราว 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ 

นอกจากนี้ A.S. Watson Group ยังเป็นเจ้าตลาดในฮ่องกง จีน สหราชอาณาจักร เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์ และในปี 2017 ปีเดียว บริษัทได้เปิดร้าน Watsons ไปทั้งหมด 1,300 สาขา และนับตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมาทางบริษัทได้เปิดร้าน Watsons เพิ่มอีก 1,400 สาขา  

หากคิดโดยเฉลี่ยแล้ว เท่ากับมีร้าน Watsons เกิดขึ้นใหม่ทุก 7 ชั่วโมง 

กลยุทธ์ที่ทำให้ Watsons เปลี่ยนจากร้านขายยาเล็ก ๆ เป็นอาณาจักรด้านสุขภาพและความงามที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือวิสัยทัศน์ของผู้บริหารร้านทุกคน ที่พร้อมแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ และเปลี่ยนแปลง Watsons ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคอยู่ตลอดเวลา

ส่วนโจทย์สำคัญในการทำงานของ A.S. Watson Group ตอนนี้คือการพัฒนาระบบเทคโนโลยี เพื่อให้ตอบสนองกับความต้องการของลูกค้าที่อยู่ในโลกออนไลน์ยุคปัจจุบัน และขยายสาขาเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

source :

https://www.aswatson.com/180th-years-of-love/asw-history/history-book/

https://www.scmp.com/magazines/post-magazine/long-reads/article/3175923/story-watsons-how-guangdong-eye-clinic-became

https://www.aswatson.com/watsons-opens-over-1400-new-stores-across-asia-amidst-the-pandemic/

https://www.scmp.com/lifestyle/article/2170198/story-watson-hong-kong-pharmacy-worlds-largest-health-and-beauty-group

https://brandinside.asia/history-of-watsons/

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า