นักข่าวถูกม็อบฮ่องกงทำร้ายกลางสนามบิน ชี้ทำเกินกว่าเหตุ วอนยุติความรุนเเรง

ชาวฮ่องกงเดินทางเข้าเยี่ยม นักข่าวที่ถูกม็อบฮ่องกงทำร้ายที่สนามบินฮ่องกง จนได้รับบาดเจ็บ พร้อมชี้ว่าผู้ประท้วงทำเกินกว่าเหตุ

วันที่ 15 ส.ค. 2562 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ชาวฮ่องกงมากกว่า 100 คนเดินทางมายังโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมนักข่าว ซึ่งถูกทำร้ายโดยกลุ่มผู้ประท้วงอย่างรุนแรงเมื่อวันที่ 13 ส.ค. ที่ผ่านมา บริเวณสนามบินฮ่องกง พวกเขาต่างแสดงความสนับสนุนความกล้าหาญและความแข็งแกร่งของนักข่าวผู้นี้ที่ยืนหยัดต่อต้านการใช้กำลังที่ทวีความรุนแรงในฮ่องกง

ฟู่กั๋วเฮ่า หรือนักข่าวจากหนังสือพิมพ์ปักกิ่งโกบัล ไทมส์ (Global Times) ถูกกลุ่มผู้ประท้วงสวมผ้าปิดปากทำร้ายร่างกายและถูกกักตัวไว้ที่สนามบินนานาชาติฮ่องกง กลุ่มผู้ประท้วงปฏิเสธแม้แต่จะให้เขาได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถพาเขาออกมาอย่างปลอดภัยในที่สุด

เหตุการณ์ชุมนุมประท้วงทวีความรุนแรงมากขึ้น ก่อเกิดความโกลาหลในสนามบินที่คึกคักที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เที่ยวบินขาออกส่วนใหญ่ถูกยกเลิก เนื่องจากอาคารผู้โดยสารในสนามบินถูกยึดครอง อาคารหลักสนามบินถูกปิดต่อเนื่องนาน 5 วัน ทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากไม่สามารถออกเดินทางได้ หลายคนติดอยู่ที่นั่นหลายวัน

คลิปวิดีโอที่ถูกเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นภาพกลุ่มผู้ประท้วงสวมเสื้อดำและผ้าปิดปากล้อมตัว ฟู่กั๋วเฮ่า มัดมือของเขาไว้ด้านหลังศีรษะ กดเขาให้นั่งลงบนรถเข็นกระเป๋า ในขณะที่ ฟู่กั๋วเฮ่ากล่าวกับกลุ่มผู้ประท้วงว่า “ผมอยู่ข้างตำรวจฮ่องกง คุณทุบตีผมได้เลย” คลิปดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักสำหรับความรุนแรงที่เกิดขึ้น

เรย์มอนด์ แลม วัย 35 ปี ขอลางานเพื่อเดินทางหนึ่งชั่วโมงครึ่งไปยังโรงพยาบาลปริ๊นเซสมาร์กาเร็ต เพื่อนำผลไม้และขนมไหว้พระจันทร์ไปเยี่ยม ฟู่กั๋วเฮ่า ที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลแห่งนี้ พร้อมกับเพื่อนอีกหลายคน เผยว่า  “ฟู่กั๋วเฮ่า พูดในสิ่งที่คนฮ่องกงต้องการพูด หลังจากที่เราเงียบมานานกว่าสองเดือน ผู้คนฮ่องกงต้องการชีวิตที่สงบและมั่นคง เราต้องการฮ่องกงที่ดีกว่านี้ ของขวัญที่ผมนำมาแทนความปรารถนาที่อยากให้เขาหายโดยเร็วไว และอยากบอก ฟู่กั๋วเฮ่า ว่ามีชาวฮ่องกงจำนวนมากที่สนับสนุนเขา กลุ่มผู้ประท้วงทำเกินกว่าเหตุ เกินกว่าที่คนทั่วไปจะยอมรับได้ สิ่งที่ผู้ก่อจลาจลทำกับฟู่กั๋วเฮ่า ถือเป็นการเหยียบย่ำกรอบอารยธรรมที่สำคัญที่สุด และเทียบเท่ากับการกระทำขององค์การก่อการร้าย ประชาชนชาวฮ่องกงหลายคนรวมตัวกันนอกล็อบบี้ของโรงพยาบาล บางคนถือป้ายเรียกร้องให้มีมาตรการลงโทษผู้ก่อเหตุ ต่อต้านการใช้ความรุนแรง และปกป้องกฎหมาย”

ดิกกี้ ยิพ วัย 46 ปี ทำงานเป็นไกด์นำเที่ยวมานานหลายปี เล่าว่า  “ผมคิดว่า ฟู่กั๋วเฮ่า เป็นคนจริงและต้องการให้กำลังใจ พวกเราชาวจีนทุกคนควรมีความกล้าหาญเหมือนเขา ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มผู้ประท้วงได้สร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของฮ่องกง เนื่องจากเขาไม่ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวกลุ่มใดเลยตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา กลุ่มผู้ประท้วงหัวรุนแรงกำลังเพิกเฉยต่อการดำรงชีวิตของเรา ผมหวังว่าความรุนแรงจะสิ้นสุดลงเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อนำฮ่องกงที่รุ่งโรจน์และงดงามของเราคืนกลับมาอีกครั้ง”

ฟู่กั๋วเฮ่า ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อเที่ยงวานนี้ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา ใบหน้าของเขายังดูซีดและอิดโรย ทั้งยังมีร่องรอยบวมและช้ำบนใบหน้าของชายวัย 28 ปี ฟู่กั๋วเฮ่ากล่าวในระหว่างการสัมภาษณ์สั้นๆ ที่โรงพยาบาลพร้อมถือช่อดอกไม้ซึ่งป็นของขวัญจากผู้มาเยือนในอ้อมแขนว่า“ผมปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับทั้งหมดของประชาชนชาวฮ่องกง และไม่ได้ทำผิดกฎหมายใดๆ ผมไม่ควรได้รับการปฏิบัติอย่างรุนแรงเช่นนี้ การที่ผมพูดว่ารักฮ่องกงที่สนามบิน มันเป็นการโต้ตอบตามธรรมชาติและผมก็หมายความตามนั้น”

นอกจากฟู่กั๋วเฮ่าแล้ว เมื่อวานที่ผ่านมา(14 ส.ค. 62) ยังมีนักท่องเที่ยวอีกคนหนึ่งที่ถูกกลุ่มผู้ประท้วงจับกุมและทำร้ายที่สนามบินเช่นกัน ชายคนดังกล่าวหมดสติและถูกส่งไปโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน

ด้านโฆษกของรัฐบาลเขตปกครองพิเศษฮ่องกงแถลงประณามการกระทำรุนแรงเหล่านี้ โดยชี้ว่าพวกเขาได้รุกล้ำและทำเกินกว่าขอบเขตของสังคมที่เจริญแล้ว ตำรวจฮ่องกงจะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างให้ถึงที่สุด เพื่อนำผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม