ฮ่องกงแห่ออกมาเลือกตั้งท้องถิ่น ผู้มาใช้สิทธิ์สูงทำลายสถิติ

ฮ่องกงเลือกตั้งสภาท้องถิ่นตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ (24 พฤศจิกายน 2562) สื่อต่างปรเทศหลายสำนักวิเคราะห์ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นการเลือกตั้งที่มีนัยสำคัญในการหยั่งเสียงว่าฝ่ายสนับสนุนจีนแผ่นดินใหญ่ หรือฝ่ายผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยมีปริมาณเสียงมากกว่ากัน

ก่อนหน้านี้สมาชิกสภาท้องถิ่นส่วนใหญ่มีผู้สมัครฝ่ายสนับสนุนจีนแผ่นดินใหญ่ครองเสียงข้างมากจากทั้งหมด 452 เขตเลือกตั้ง แต่หลังมีการประท้วงในฮ่องกงยาวนานหลายเดือนทำให้มีการคาดการณ์กันว่ากระแสทางการเมืองอาจเปลี่ยนไป

ในการเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 4.13 ล้านคน รายงานล่าสุดเวลา 14.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นมีผู้มาใช้สิทธิแล้วคิดเป็นร้อยละ 46.26 ของประชากรทั้งหมดหรือประมาณ 1.7 ล้านคน นับว่าเป็นจำนวนที่สูงกว่าการเลือกตั้งครั้งก่อนเมื่อปี 2558 ที่มีผู้ใช้สิทธิเพียงร้อยละ 20.97 ของประชากรทั้งหมด โดยคูหาจะปิดในเวลา 22.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น

เมื่อคืนที่ผ่านมา โจชัว หว่อง หนึ่งในผู้ประท้วงรัฐบาลฮ่องกงโพสต์ภาพสนับสนุนใ้ห้คนออกมาใช้สิทธิ โดยกล่าวว่า “ไปเลือกตั้ง ในตอนที่ยังมีสิทธิ” แม้ว่าตัวเขาเองถูกรัฐบาลจีนห้ามเขาใช้สิทธิเลือกตั้ง แต่เขาเชื่อว่ารัฐบาลจะยังไม่สามารถล้มเลือกการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นได้

Vote! when we still can.

Even Beijing censored me out from the ballot, it’s “lucky” that Gov hasn’t cancelled the “community-based” district council election yet.

It’s time to let our protest votes show the determination of HKers fight for freedom and democracy. pic.twitter.com/P3Gv3syrha

— Joshua Wong 黃之鋒 😷 (@joshuawongcf) November 23, 2019

ส่วนนางแคร์รี่ แลมผู้บริหารสูงสุดเกาะฮ่องกงก็ได้ออกมาใช้สิทธิ์ในช่วงบ่าย และเชื่อว่าชาวฮ่องกงจะตัดสินใจใช้สิทธิด้วยตนเอง

การเลือกตั้งท้องถิ่นของฮ่องกงเป็นการเลือกตั้งทางตรงเพื่อเลือกผู้บริหารระดับท้องถิ่น ต่างกับการเลือกผู้บริหารสูงสุดของเกาะฮ่องกงที่ใช้วิธีการเลือกตั้งแบบทางอ้อม ทำให้เกิดกระแสเรียกร้องการเลือกตั้งผู้บริหารสูงสุดแบบ 1 สิทธิ 1 เสียง ซึ่งเป้นหนึ่งในข้อเรียกร้องของการประท้วงที่กินเวลาหลายเดือน

อย่างไรก็ตามสมาชิกสภาท้องถิ่น 117 คนที่ได้จากการเลือกตั้งวันนี้ จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งใน 1200 คนที่ผู้ยกมือเลือกผู้บริหารสูงสุดของเกาะ ทำให้ผู้เลือกตั้งหลายคนเชื่อว่าการออกมาใช้สิทธิของเขาจะส่งสัญญาณไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ว่าชาวฮ่องกงต้องการสิ่งใด