SHARE

คัดลอกแล้ว

กรมธนารักษ์ ดึงออมสิน-ธอส. ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำผู้มีรายได้น้อย กรอบวงเงินทั้งสิ้น 4,000 ล้านบาท ผ่านโครงการ “บ้านคนไทยประชารัฐ”  บนที่ดินราชพัสดุ 5 แปลง นำร่อง 5 จังหวัด ราคาหลังละ 350,000 – 700,000 บาท ให้สิทธิผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก่อน

เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.62 ณ ห้องประชุมกรมธนารักษ์ ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงสินเชื่อโครงการบ้านคนไทยประชารัฐ ระหว่างกรมธนารักษ์ ธนาคารออมสิน และธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองบนที่ราชพัสดุ โดยมี นายอำนวย ปรีมนวงศ์ อธิบดีกรมธนารักษ์ เป็นประธานในพิธี

นายอำนวย ปรีมนวงศ์ อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า การปล่อยสินเชื่อโครงการบ้านคนไทยประชารัฐบนที่ดินราชพัสดุจำนวน 8 แปลง ครอบคลุม 4 ภาคทั่วประเทศ กรมธนารักษ์ได้ดำเนินการเปิดประมูลหาผู้ลงทุนก่อสร้างและบริหารโครงการและได้ผู้ได้รับสิทธิการพัฒนาที่ราชพัสดุพร้อมทั้งจัดทำสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุเรียบร้อยแล้ว 5 พื้นที่ และได้เปิดจองโครงการแล้ว 4 พื้นที่ ประกอบด้วย ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่ และเชียงราย โดยมีผู้จองสิทธิจำนวน 2,249 ราย คิดเป็น 98% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด 2,302 ยูนิต ซึ่งถือว่าได้รับความสนใจสูงมาก เนื่องจากเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยราคาบ้านจะอยู่ที่หลังละ 350,000 – 700,000 บาท

ปัจจุบันได้ดำเนินการก่อสร้างแล้ว 1 แห่ง บนที่ราชพัสดุแปลงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และในปีงบประมาณ 2562 ได้ดำเนินการเปิดประมูลเพื่อหาผู้ลงทุนในพื้นที่นครพนม โดยกำหนดยื่นซองประมูลในวันที่ 25 มิ.ย.นี้ ขณะที่ในเฟส 2 จะเริ่มทำประชาพิจารณ์ความต้องการในปี 2563 และจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปีถัดไป โดยเบื้องต้นคัดเลือกที่ราชพัสดุ 8 จังหวัด สำหรับดำเนินการ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร พระนครศรีอยุธยา กำแพงเพชร สงขลา พังงา และศรีษะเกษ เป็นต้น

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน

ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2561 ได้เห็นชอบให้ธนาคารออมสินดำเนินโครงการบ้านคนไทยประชารัฐเพื่อสร้างโอกาสให้ประชาชนกลุ่มผู้มีรายได้น้อยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองบนที่ราชพัสดุและเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองราคาไม่เกินหน่วยละ 700,000 บาท ในกรอบวงเงินโครงการรวม 4,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสินเป็นแหล่งทุนทั้งให้สินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย (Pre Finance) และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ซื้อรายย่อย (Post Finance)

“ธนาคารมีความยินดีและมีความพร้อมในการสนับสนุนสินเชื่อโครงการนี้ ทั้งการให้สินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ซื้อรายย่อย ซึ่งธนาคารออมสินได้ประสานงานในการดำเนินโครงการกับกรมธนารักษ์มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มต้น หลังจากที่รัฐบาลได้มีนโยบายในเรื่องนี้” นายชาติชาย กล่าว

สำหรับรูปแบบที่อยู่อาศัยโครงการนั้นแบ่งเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่ บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารชุดพักอาศัย กำหนดพื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า 28 ตารางเมตร ราคาหน่วยละประมาณ 350,000-700,000 บาท โดยธนาคารอยู่ระหว่างพิจารณาสินเชื่อโครงการฯ ให้ผู้ประกอบการจำนวน 3 ราย ใน 5 พื้นที่ ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่ เชียงราย และขอนแก่น ซึ่งก่อสร้างในรูปแบบอาคารพักอาศัย (ห้องชุด) และบ้านแฝดชั้นเดียว รวมมูลค่าโครงการประมาณ 1,564 ล้านบาท คาดว่าจะก่อสร้างประมาณ 2,302 ยูนิต

โดยมีผู้สนใจ 4,953 ราย ได้จองสิทธิกับผู้ประกอบการรวม 2,210 ราย แบ่งเป็นกลุ่มสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 512 ราย กลุ่มผู้มีรายได้ไม่เกิน 35,000 บาทต่อคนต่อเดือน จำนวน 1,674 ราย และกลุ่มประชาชนทั่วไป จำนวน 5 ราย

“ถ้าบ้าน 7 แสนบาท ก็จะมีค่าผ่อนเดือนละ 3,300 บาท ส่วนบ้านราคา 3.5 แสนบาท ก็จะมีค่าผ่อนเดือนละ 1,700 บาท เราจัดให้ยอดผ่อนไม่มาก เพราะอยากให้คนไทยมีบ้าน” นายชาติชาย กล่าว

ขณะที่ สินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการ ธนาคารออมสินปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% เป็นเวลา 3 ปี ปีที่ 4 เป็นต้นไป เท่ากับ MLR -1 ต่อปี ระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 5 ปี (ปัจจุบัน MLR ของธนาคารออมสิน =  6.50%) ส่วนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ซื้อรายย่อย กำหนดอัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-4 คงที่ 2.75% ต่อปี ปีที่ 5 เป็นต้นไป กรณีรายย่อยคิดอัตราดอกเบี้ย MRR-0.75 ต่อปี (อัตราดอกเบี้ย MRR ของธนาคารออมสิน ปัจจุบัน = 7.00% ต่อปี) ส่วนกรณีสวัสดิการหักเงินเดือนคิดอัตราดอกเบี้ย MRR-1% ต่อปี ระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 30 ปี

ขณะที่ นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” พร้อมให้การสนับสนุนสินเชื่อโครงการ “บ้านคนไทยประชารัฐ” บนที่ดินราชพัสดุ ซึ่งถือเป็นโครงการที่จะมีส่วนช่วยสนับสนุนนโยบายภาครัฐที่ต้องการให้คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองโดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย เพื่อสร้างความมั่นคง และยกระดับคุณภาพชีวิต ซึ่งการลงนามบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ ธอส. พร้อมให้การสนับสนุนการดำเนินโครงการทั้งในด้านสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำร่วมกับธนาคารออมสินด้วยกรอบวงเงินรวม 4,000 ล้านบาท ให้แก่ผู้เช่าที่ราชพัสดุ แบ่งเป็น

1.สินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย(Pre Finance) อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน ปีที่ 1 – 3 เท่ากับ 3.00% ต่อปี ส่วนปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญากู้เท่ากับ MLR – ไม่เกิน 1% ต่อปี (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MLR ธอส. กับ 6.25% ต่อปี) ระยะเวลาการผ่อนชำระไม่เกิน 5 ปี  ให้กู้สำหรับผู้ประกอบการ ที่มีวัตถุประสงค์การกู้เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยตามเงื่อนไขของโครงการบ้านคนไทยประชารัฐ

2.สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Post Finance) อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน ปีที่ 1 – 4 เท่ากับ 2.75 % ต่อปี และปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญากู้กรณีลูกค้ารายย่อย MRR – 0.75% ต่อปี และกรณีลูกค้าสวัสดิการหักเงินเดือน MRR – 1% ต่อปี (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR ธอส. อยู่ที่ 6.75% ต่อปี) ให้กู้เพื่อที่อยู่อาศัยบนที่ดินราชพัสดุ ภายใต้โครงการ “บ้านคนไทยประชารัฐ” ในระดับราคา 350,000-700,000 บาท/หน่วย ผ่อนชำระได้นานสูงสุด 30 ปี พร้อมได้รับการผ่อนปรนการกำหนดอัตราส่วนการชำระหนี้ต่อรายได้ต่อเดือน (Debt Service Ratio : DSR)  ตามที่ธนาคารกำหนด ซึ่งจะช่วยให้ผู้รายได้น้อยมีโอกาสได้รับวงเงินกู้ในระดับที่เหมาะสมมากยิ่งขึ้น โดยผู้ที่มีคุณสมบัติได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ สามารถมาติดต่อยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมกับธนาคารได้ตั้งแต่ บัดนี้จนถึงวันที่ 2 มกราคม 2566

ทั้งนี้ ความร่วมมือของโครงการ “บ้านคนไทยประชารัฐ” บนที่ดินราชพัสดุ ถือเป็นการดำเนินงานตามกรอบการดำเนินโครงการที่คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2561 ซึ่งโครงการมีกลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่ม ประกอบด้วย

1.ประชาชนที่อยู่ในทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐกับกระทรวงการคลัง

2.ประชาชนที่มีรายได้ไม่เกิน 35,000 บาทต่อคนต่อเดือน

3.ประชาชนทั่วไป (อัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด)

โดยให้สิทธิพิจารณาผู้เข้าร่วมโครงการจากประชาชนที่อยู่ในทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐกับกระทรวงการคลังเป็นลำดับแรก

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า