Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

‘ฮอนด้า มอเตอร์’ เดินหน้าแผนไปสู่ ‘รถยนต์ไฟฟ้าล้วน’ ประกาศลดกำลังการผลิตรถใช้น้ำมันในประเทศเหลือ 800,000 คัน/ปี หรือลดลงราว 40% จากยอดผลิตสูงสุดในปี 2002

โดยการปรับลดกำลังการผลิตดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นการหยุดการผลิตรถยนต์ในโรงงานที่เมืองซายามะ จังหวัดไซตามะ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของโตเกียว ซึ่งเป็นโรงงานแม่ในประเทศญี่ปุ่นของฮอนด้า ที่ประกาศหยุดการผลิตในช่วงปลายปีที่ผ่านมา

ซึ่งปีที่แล้ว ฮอนด้ายังประกาศขั้นตอนการลดต้นทุนการผลิตรายการอื่นๆ ประกาศว่าจะนำระบบพัฒนารถแบบใหม่มาใช้ในโรงงาน และประกาศยกเลิกโปรแกรมการแข่งรถฟอร์มูลาวัน

เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ปีที่แล้ว ฮอนด้าได้จัด ‘พิธีอำลาสายการผลิต’ ขึ้นที่โรงงานในซายามะ เพื่อเป็นการสิ้นสุดการผลิตรถยนต์ที่โรงงานแห่งนี้

ทั้งนี้ โรงงานที่ซายามะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 1964 และเป็นที่ผลิตรถยนต์หลายรุ่นของฮอนด้า ไม่ว่าจะเป็น Civic ที่กำลังพยายามผลักดันนวัตกรรมใหม่ในด้านเครื่องยนต์ปล่อยมลพิษต่ำ และรุ่น Accord ซึ่งเป็นรถซีดานเรือธงของฮอนด้า

ปัจจุบันโรงงานดังกล่าวยังเปิดดำเนินการอยู่โดยมีหน้าที่ในการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ แต่จะปิดอย่างเป็นทางการในอีก 2-3 ปี ส่วนการผลิตและพนักงานของโรงงานแห่งนี้จะถูกโอนไปยังโรงงานของฮอนด้าในเมืองโยริอิ จังหวัดไซตามะ

ส่วนโรงงานที่ซายามะนั้น ฮอนด้ายังไม่มีแผนว่าจะดำเนินการอย่างไรกับที่นี่หลังจากปิดดำเนินการลง

ทั้งนี้ ฮอนด้ามีโรงงานผลิตอยู่ในญี่ปุ่น 3 แห่ง คือ ที่ซายามะ โยริอิ และซูซูกะ ซึ่งปี 2021 มีกำลังการผลิตรวมกว่า 1 ล้านคัน/ปี เป็นของโรงงานซายามะ 250,000 คัน ดังนั้น การปิดโรงงานที่ซายามะก็จะทำให้ฮอนด้าเหลือกำลังการผลิตกว่า 800,000 คันเท่านั้น

ในช่วงทศวรรษที่ 2000 ฮอนด้ามีกำลังการผลิตมากกว่า 1.3 ล้านคัน/ปี ส่วนในช่วงปี 2019 ก่อนที่โควิดจะระบาด บริษัทผลิตรถยนต์ได้ 840,000 คัน/ปี

ขณะที่คู่แข่งสำคัญอย่าง ‘โตโยต้า’ ยังไม่มีแผนที่จะลดกำลังการผลิตในญี่ปุ่นอย่างรวดเร็ว โดยยังยึดนโยบายรักษากำลังการผลิตในประเทศไว้มากกว่า 3 ล้านคัน/ปี ส่วน ‘นิสสัน’ ยังคงกำลังการผลิตไว้ที่ 1.34 ล้านคัน

ปัจจัยหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังกำลังการผลิตที่น้อยกว่าคู่แข่งของฮอนด้าในญี่ปุ่น คือ เมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้ว ตลาดญี่ปุ่นของฮอนด้ามีส่วนแบ่งยอดขายทั่วโลกน้อยกว่า

ในปีงบประมาณ 2018 ฮอนด้าขายรถยนต์ได้ 740,000 คันในญี่ปุ่น หรือ 14% ของยอดขายทั่วโลก ขณะที่ยอดขายรถยนต์ในประเทศของโตโยต้า 2.29 ล้านคัน คิดเป็น 22% ของยอดรวมทั่วโลก

ในทางกลับกัน ฮอนด้าขายรถยนต์ได้ 1.61 ล้านคันในตลาดสหรัฐฯ หรือ 30% ของยอดขายโดยรวม และ 1.46 ล้านคันในจีน หรือ 28%

เนื่องจากมียอดขายในต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ฮอนด้าจึงมีระบบการผลิตที่เป็นสากลมากขึ้น โดยรถยนต์ที่จำหน่ายในญี่ปุ่นไม่จำเป็นต้องผลิตในประเทศเท่านั้น อย่างรุ่น Accord ก็ผลิตจากประเทศไทยได้ เป็นต้น

และเนื่องจากสหรัฐฯ และจีนเป็นตลาดต่างประเทศที่สำคัญของฮอนด้า ซึ่งทั้ง 2 ตลาดกำลังมุ่งหน้าไปที่รถยนต์ไฟฟ้า ปัจจัยดังกล่าวจึงกระตุ้นให้ฮอนด้าประกาศยุติการผลิตรถเครื่องยนต์สันดาปภายในปี 2040

ทั้งนี้ ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นส่วนใหญ่ยังค่อนข้างช้าในเรื่องการพัฒนาไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากเครือข่ายสถานีชาร์จในญี่ปุ่นยังด้อยพัฒนา และในญี่ปุ่นก็ยังผลิตพลังงานหมุนเวียนได้น้อย

และเมื่อสถานีชาร์จยังไม่มีให้บริการเป็นวงกว้าง แน่นอนว่าผู้บริโภคก็คงไม่พร้อมที่จะใช้รถยนต์ไฟฟ้า และหากจะเปลี่ยนมาใช้รถ EV ทั้งที่เชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้ามาจากฟอสซิล ก็ดูเป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผลเท่าใดนัก

ส่วนสหรัฐอเมริกา การแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ มีผู้เล่นปรากฏตัวขึ้นหลายราย เช่น Tesla และ Rivian Automotive ขณะที่ภาครัฐอย่างฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็กำลังส่งเสริมการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า

ด้านรัฐบาลจีนก็สนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าอย่างชัดเจน โดยมีนโยบายให้เงินอุดหนุนแก่ผู้ผลิตเพื่อพยายามสร้างอุตสาหกรรม EV ทำให้ผู้ขับขี่ชาวจีนสามารถซื้อ EV ขนาดเล็กได้ในราคาประมาณ 4,300 ดอลลาร์ หรือราว 1.42 แสนบาท

ด้วยสถานะที่แข็งแกร่งทั้งในตลาดสหรัฐฯ และจีน ฮอนด้าจึงอยู่ในสถานะที่ดีกว่าผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นรายอื่นๆ ที่จะเปลี่ยนไปใช้ EV

ทั้งนี้ โรงงานที่โยริอิจะเป็นแถวหน้าในแผนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของฮอนด้า โดยมีหน้าที่ผลิตรถรุ่น Honda e ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ของฮอนด้าที่จะวางจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ด้วย

ที่มา : https://asia.nikkei.com/Business/Automobiles/Honda-to-close-mother-factory-as-it-moves-to-all-electric-future

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า