พิษการเมือง เศรษฐีฮ่องกงเริ่มหาพาสปอร์ตใหม่-ย้ายเงินออกนอกประเทศ

หลังฮ่องกงประสบภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและวิกฤติการเมืองที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่เป็นเขตปกครองพิเศษปี 1997 เป็นต้นมา สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าภาวะดังกล่าวทำให้เศรษฐีและนักธุรกิจบางส่วนทยอยวางแผนออกจากฮ่องกง

จากการรายงานของบลูมเบิร์ก นักการธนาคารในฮ่องกงเชื่อว่าหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดสถานการณ์นี้คือการที่จีนประกาศว่าจะใช้กฎหมายความมั่นคงกับฮ่องกงเมื่อเดือนที่ผ่านมา ทำให้สถานะความเป็นอิสระของฮ่องกงที่คงไว้ตั้งแต่เป็นดินแดนของอังกฤษสั่นคลอน นอกจากนี้เหตุการณ์ดังกล่าวยังเสี่ยงต่อการถูกอเมริกาคว่ำบาตร ขณะที่การประท้วงก็ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวหยุดชะงักตั้งแต่ก่อนเจอวิกฤติโควิด-19 ทั้งหมดนี้ทำให้เศรษฐกิจของฮ่องกงเข้าสู่สภาวะถกถอยหนักที่สุดตั้งแต่เคยมีการบันทึกมา

อย่างไรก็ดี เมื่อมองในภาพรวมแล้วเทรนในการย้ายทรัพย์สินเหล่านี้ยังคงไม่กระทบภาพกว้าง ยอดเงินฝากในฮ่องกงยังคงเพิ่มสูงขึ้นในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาและค่าเงินของฮ่องกงยังคงแข็งแกร่งดี ขณะที่นักธุรกิจบางส่วนสนับสนุนกฎหมายความมั่นคงอย่างเปิดเผยและแสดงความมั่นใจต่อความแข็งแกร่งทางการเงินของฮ่องกงในอนาคต

อย่างไรก็ดี อีกฝั่งหนึ่งก็มีนักธุรกิจบางส่วนที่ประเมินสถานการณ์ในแง่ร้าย

รายงานระบุว่านักธุรกิจคนหนึ่งให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่าตนเริ่มย้ายทรัพย์สิน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 300 ล้านบาทไทย) ไปไว้ที่สิงคโปร์แทน ทำเรื่องขอใบอนุญาตอยู่อาศัยในสิงคโปร์และกำลังขายทรัพย์สินในฮ่องกง โดยเขาและครอบครัวมีพาสปอร์ตสัญชาติสหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลียและฝรั่งเศส

ขณะที่บางคนมองว่าจะไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่ลอนดอน เนื่องจากเกรงว่าราคาในฮ่องกงกำลังจะแพงเกินไป ขณะที่หลากหลายรอบครัวเริ่มเปิดบัญชีเงินฝากต่างประเทศและลงทะเบียนขอพาสปอร์ตสัญชาตอื่นนอกเหนือจากฮ่องกง

นอกจากคนฮ่องกงเอง นักลงทุนจากต่างชาติก็กำลังถอนการลงทุนจากฮ่องกงหรือดำเนินการต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถถอนการลงทุนจากฮ่องกงได้ง่ายขึ้น