SHARE

คัดลอกแล้ว

‘โฮปเวลล์’ ทวงหนี้ 2.7 หมื่นล้าน จาก ‘คมนาคม-รฟท.’ ขอความเป็นธรรมคืน ยืนยันไม่ใช่ ‘ค่าโง่’ แต่เป็นเงินลงทุนของบริษัท 100%

ดูเหมือนว่ามหากาพย์คดี ‘โฮปเวลล์’ จะไม่จบลงง่ายๆ หลังเมื่อเดือน มี.ค. 2565 ศาลปกครองสูงสุดกลับคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น สั่งรื้อคดีโฮปเวลล์ใหม่ ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้กระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ต่อสู้คดี และมีโอกาสที่รัฐจะต้องไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับโฮปเวลล์ได้

ล่าสุดในวันนี้ 21 มิ.ย. 2565 บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดแถลงข่าวทวงถามความเป็นธรรมจากกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งเคยเป็นคู่สัญญาในสัญญาสัมปทานโครงการระบบการขนส่งทางรถไฟยกระดับในกรุงเทพมหานคร (Bangkok Elevated Road and Train System-BERTS) มูลค่า 80,000 ล้านบาท

‘คอลลิน เวียร์’ กรรมการผู้จัดการ โฮปเวลล์ บอกว่า นับจากรัฐบาลไทยโดยกระทรวงคมนาคมและ รฟท. ได้บอกเลิกสัญญาเมื่อปี 2541 และบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร้องขอความเป็นธรรมต่อคณะอนุญาโตตุลาการ

โดยขอให้คณะอนุญาโตตุลาการ มีคำวินิจฉัยให้คู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่ายคือ รฟท. และบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด คืนสู่สถานะเดิม พร้อมกับคืนเงินตอบแทน และเงินลงทุนที่ได้ลงทุนไปแล้ว

ซึ่งคณะอนุญาโตตุลาการได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดตามที่โฮปเวลล์ร้องขอออกมาเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2551 แต่ทั้งกระทรวงคมนาคม และ รฟท. กลับยังมิได้มีการปฏิบัติให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ

“สาระสำคัญในคำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2551 ระบุให้คืนสถานะเดิมแก่คู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่าย และให้ รฟท.คืนเงินตอบแทน เงินลงทุน รวมทั้งหนังสือค้ำประกันสัญญาสัมปทานและค่าธรรมเนียมแก่บริษัทโฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด รวมทั้งสิ้น 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี”

เวียร์ กล่าวว่า นับจากบัดนั้นกระทั่งทุกวันนี้ ทั้งกระทรวงคมนาคม และ รฟท. ยังมิได้ดำเนินการใดๆ ให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ทั้งที่เป็นคำวินิจฉัยที่เป็นไปตามสัญญาสัมปทาน ซึ่งได้มีการลงนามร่วมกันตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย. 2533

ยิ่งไปกว่านั้นทั้งกระทรวงคมนาคม และ รฟท. ยังแสดงท่าทีที่จะไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการอย่างชัดเจน

โดยการพยายามใช้กลไกทางกฎหมาย ประวิงการปฏิบัติตามคำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ และไม่เคารพคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดที่ได้วางบรรทัดฐานการวินิจฉัยคดีในลักษณะเดียวกันมามากกว่า 50 คดี รวมถึงความพยายามทำให้บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นโมฆะหรือสิ้นสภาพ

“ความพยายามของกระทรวงคมนาคม และ รฟท. มุ่งหวังเพียงเพื่อจะไม่ต้องคืนเงินให้แก่โฮปเวลล์ฯ โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายต่อภาพลักษณ์การลงทุนของประเทศไทย ต่อความเชื่อมั่นการลงทุนในประเทศไทยของนักลงทุนนานาชาติ

“รวมทั้งไม่คำนึงถึงเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และความซื่อสัตย์สุจริตในฐานะหน่วยงานภาครัฐ ที่พึงต้องให้ความเคารพและปฏิบัติตามคำพิพากษาอย่างเคร่งครัด โดยปราศจากข้อยกเว้นหรือข้ออ้างใดๆ”

เวียร์ ยังกล่าวด้วยว่า หากหน่วยงานภาครัฐไม่เคารพในคำพิพากษา ในที่สุดคำพิพากษาถึงที่สุดของทุกศาลจะไร้ความหมาย และเป็นข้ออ้างสำหรับคนไม่สุจริตในการรื้อฟื้นให้มีการพิจารณาคดีใหม่อย่างไม่มีที่สิ้นสุด กระทั่งก่อให้เกิดความระส่ำระสายในกระบวนการยุติธรรม แล้วการปกครองบ้านเมืองตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองจะดำเนินต่อไปได้อย่างไร

ด้าน ‘สุภัทร ติระชูศักดิ์’ ฝ่ายกฎหมาย บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การยื่นให้ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาคดีใหม่ (เมื่อ มี.ค. 2565) เป็นการข่มขืนรัฐธรรมนูญ เพื่อนำข้อกล่าวอ้างเรื่องอายุความที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ยกคำร้องไปแล้ว มายื่นขอพิจารณาคดีใหม่

อย่างไรก็ตาม ตามคำตัดสินอนุญาโตตุลาการ ดอกเบี้ยจะไม่หยุดคิดในระหว่างศาลปกครองกลางพิจารณาคดี เพราะว่าเป็นเงินที่จะต้องจ่ายตั้งแต่มีการบังคับคดีจากศาลปกครองชั้นต้น โดยปัจจุบันคิดเป็นดอกเบี้ยวันละ 2.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามวันที่คมนาคมและ รฟท. ยังไม่จ่ายหนี้

โดยปัจจุบันหากรวมดอกเบี้ยจะคิดเป็นหนี้ต้องชำระกว่า 2.7 หมื่นล้านบาท

นอกจากนั้น ยังระบุว่าโฮปเวลล์มีแนวทางอื่นๆ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม มีความเป็นไปได้ว่า หากยังไม่ได้รับความเป็นธรรมอีก จะฟ้องอาญาผู้สร้างภาระให้บริษัทและภาษีประเทศชาติ ทั้งศาลทุจริต ศาลอาญาทางการเมือง

“จริงๆ แล้วไม่ใช่ค่าโง่ เพราะโฮปเวลล์ไม่ได้โกงเงินรัฐบาล เงินทั้งหมดที่อนุญาโตตุลาการมีคำสั่งให้จ่ายให้โฮปเวลล์ คือ เงินลงทุนของโฮปเวลล์ที่นำเข้ามาลงทุนไป 100% ยกเว้นดอกเบี้ยที่เป็นผลมาจากการจ่ายเงินล่าช้าของภาครัฐเอง” นายสุภัทรกล่าว

หลังจากนี้ โฮปเวลล์จะต้องต่อสู้คดีต่อในศาลปกครองกลาง โดยเริ่มต้นจากการจัดทำคำให้การแก้คำขอพิจารณาคดีใหม่ยื่นต่อศาลภายใน 30 วัน โดยบริษัทได้ขอเลื่อนเป็นภายในวันที่ 15 ก.ค.นี้ นอกจากนั้น โฮปเวลล์ยังต้องต่อสู้คดีในศาลอื่นๆ ที่ภาครัฐฟ้องในภายหลังด้วย

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า