ย้อนคดีวัยรุ่นตีกันในห้องฉุกเฉิน คุกทันทีปีครึ่งไม่รอลงอาญา

จากกรณีค่ำวันที่ 19 พ.ค. เกิดเหตุกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุความรุนแรงในโรงพยาบาล 2 แห่ง ใน จ.สมุทรปราการ เนื่องจากการทะเลาะวิวาทกันและหนึ่งในนั้นถูกแทงบาดเจ็บสาหัสจนต้องหามตัวส่งโรงพยาบาลวิภาราม-ชัยปราการ แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตได้ทันก่อนถึงมือแพทย์

สร้างความไม่พอใจให้กับพวกพ้องที่คิดว่าแพทย์รักษาไม่ทัน จนนำไปสู่การทำร้ายร่างกายแพทย์หญิงและบุคลากรทางการแพทย์ภายในห้องฉุกเฉิน จากนั้นจึงขี่รถจักรยานยนต์มุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลเมืองสมุทรปู่เจ้าฯ ที่คู่อริเข้ารับการรักษาอยู่เและเกิดการปะทะกันภายในห้องฉุกเฉินอีกครั้ง ทำให้อุปกรณ์ทางการแพทย์เสียหาย และท้ายที่สุดคือความหวั่นวิตกของประชาชนที่มาใช้บริการ

ย้อนรอยคดีวัยรุ่นยกพวกทะเลาะวิวาทกันในโรงพยายาล จะพบว่ามีรูปการณ์ของคดีที่คล้ายกัน และเกิดขึ้นอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยความคึกคะนองที่เกิดจากแอลกอฮอล์ประกอบกับความรักพวกพ้องและศักดิ์ศรีที่เป็นชนวนเหตุให้ทุกครั้งที่มีการทะเลาะวิวาทนั้นเกิดการลุกลามบานปลาย วงรัศมีของความรุนแรงที่ไม่มีการละเว้น แม้กระทั่งพื้นที่โรงพยาบาลที่กลายเป็นเหยื่อรองรับความรุนแรงไปด้วย

กรณีทะเลาะวิวาทที่อ่างทอง

ปลายปีที่ผ่านมา เหตุเกิดเมื่อกลางดึกวันที่ 10 พฤศจิกายน 2562 วัยรุ่น 2 กลุ่ม เข้าไปเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่งกลางเมืองอ่างทอง และมีเหตุกระทบกระทั่งกันเพราะเมาแล้วเดินสะดุดขา จึงเกิดการชกต่อยทั้งในร้านและภายนอกร้าน ก่อนจะแยกย้ายกันนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล

หนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บคือ นายสุรเชษ พูลธนาคม อายุ 28 ปี ถูกนำตัวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอ่างทอง ระหว่างที่พยาบาลทำแผลในห้องฉุกเฉิน ปรากฎว่ามีวัยรุ่นคู่อริที่ชกต่อยกันก่อนหน้านี้ตามมาทำร้ายถึงห้องฉุกเฉิน จึงเกิดการวิวาทกันอีกรอบก่อนที่จะมีเพื่อนตามมาสมทบ

กรณีทะเลาะวิวาทที่อ่างทอง

เจ้าหน้าที่กู้ภัยรายหนึ่ง กล่าวว่า ระหว่างที่นำคนเจ็บคนแรกเข้าไปรักษา จู่ ๆ ผู้บาดเจ็บอีกคนซึ่งอยู่คนละฝ่ายกัน ก็พากันตามไปมีเรื่องกันภายในห้องฉุกเฉิน ทั้งๆ ที่ขณะนั้นเจ้าหน้าที่กำลังช่วยรักษาคนเจ็บอยู่ ข้าวของภายในห้องฉุกเฉินได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่พยายามห้ามก็ไม่ฟังก็ไม่มีใครฟัง พยาบาลต่างเกรงกลัวว่าจะเกิดอันตราย จึงได้ให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลมานำคนเจ็บคนหลังและพวกออกมานั่งรอนอก และขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยดูแลความปลอดภัย ต่อมามีกลุ่มวัยรุ่นมีพวกมาเพิ่มก็โวยวายกันอีก จนทำให้ทางโรงพยาบาลต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และขอกำลังสนับสนุนเพิ่มเนื่องจากวัยรุ่นมีจำนวนหลายคน

https://www.facebook.com/workpointTODAY/videos/776867076117014/

วันที่ 13 ธันวาคม 2562 ศาลจังหวัดอ่างทองอ่านคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1827/2562 ในคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดอ่างทอง เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายนิรัณดร์ สูงปานเขา กับพวกรวม 8 คน จำเลยในความผิดฐานร่วมกันทะเลาะกันอย่างอื้ออึงในทางสาธารณะฯ และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ เหตุเกิดที่ “บริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน” รพ.อ่างทอง โดยลงโทษจำคุกจำเลยทั้ง 8 คน คนละ 6 เดือน แต่จำเลยทั้ง 8 ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกคนละ 3 เดือน

ต่อมาศาลจังหวัดอ่างทองได้มีคำพิพากษาเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2563 ลงโทษจำคุกผู้ก่อเหตุ “ภายในห้องฉุกเฉิน” ทั้ง 3 คน คนละ 3 ปี แต่ผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพ จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน

กรณีทะเลาะวิวาทที่อ่างทอง

ศาลระบุว่าพฤติการณ์แห่งคดีทั้งสองเป็นการทะเลาะวิวาทในโรงพยาบาลอันเป็นสาธารณสถานที่มีไว้สำหรับรักษาพยาบาลผู้เจ็บป่วย ผู้ใดไม่ควรจะล่วงละเมิดเข้าไปทำลายความสงบเรียบร้อย เหตุที่เกิดขึ้นถือเป็นการกระทำที่อุกอาจ กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนโดยรวม จึงไม่สมควรรอลงอาญา

สถิติสำนักงานตำรวจแห่งชาติย้อนหลัง 7 ปี ตั้งแต่ปี 2555-2562 เกิดเหตุรุนแรงในโรงพยาบาล 51 ครั้ง เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 13 คน ส่วนประชาชนเสียชีวิต 7 คน และบาดเจ็บ 43 คน ยอดสูงสุดคือปี 2561 รวม 17 ครั้ง รองลงมา คือ ปี 2562 จำนวน 12 ครั้ง

แม้จะมีกรณีตัวอย่าง แต่ความรุนแรงเช่นนี้ยังถูกผลิตซ้ำ และลุกลามอย่างไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง สถานพยาบาลอันควรเป็นพื้นปราศจากความรุนแรง กลับกลายเป็นเหยื่อของความรุนแรงด้วย

นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประกาศอย่างแข็งกร้าว เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2563 ว่า

“กระทรวงสาธารณสุขยืนยันจะดำเนินคดี ไม่มีการยอมความกับผู้ก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่โรงพยาบาล และขอความร่วมมือประชาชนป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง เพื่อให้โรงพยาบาลเป็นพื้นที่ปลอดความรุนแรง แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ได้ดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างเต็มที่”

แต่ก็ยังเกิดเหตุการณ์ซ้ำเดิมอีกที่ จ.สมุทรปราการ จนถึงขั้นชกต่อยแพทย์ผู้รักษา

เหตุการณ์ครั้งล่าสุดจึงชวนให้สังคมตั้งคำถามว่า การชำระคดีและบทลงโทษมากพอที่จะยับยั้งเหตุอาชญากรรมรูปแบบนี้ได้หรือไม่ และภาคส่วนอื่นๆ อย่างสถาบันการศึกษา สถาบันครอบครัว จะช่วยป้องกันมิให้ความรุนแรงนี้ถูกผลิตซ้ำต่อไปอย่างไร

อ้างอิง

https://workpointtoday.com/angthong-hospital/
https://news.thaipbs.or.th/content/285940
https://news.thaipbs.or.th/content/294726
https://www.thaipost.net/main/detail/52535
https://www.thairath.co.th/news/local/central/1726265
https://pr.moph.go.th/?url=pr/detail/2/04/139469/