SHARE

คัดลอกแล้ว

กระทรวงสาธารณสุข เตรียมโรงแรมเป็นโรงพยาบาลสนาม ขณะนี้มีโรงแรมทั่วประเทศสมัครเข้าร่วมแล้ว 132 แห่ง อยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติ คาดว่าภายในเดือนเมษายนนี้ จะขยายจำนวนห้องพักได้มากกว่า 16,000 ห้อง เพื่อใช้เป็นที่พักฟื้นผู้ป่วยและผู้เข้าข่ายเฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

 

เมื่อวันที่ 2 เม.ย.2563 นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ พะเนียงทอง ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ผู้บริหารโรงแรมเดอะพาลาสโซ และผู้บริหารโรงแรมปริ๊นซ์ตัน แถลงข่าวความคืบหน้าในการนำโรงแรมมาใช้เป็นโรงพยาบาลสนาม

 

นายสาธิต กล่าวว่า ตามที่ได้รับมอบหมายรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้ดูแลเรื่องการจัดทำแผนด้านการรักษา โดยรวมศักยภาพโรงพยาบาลภาครัฐทุกสังกัด และโรงพยาบาลเอกชน จัดการเรื่องเตียงรองรับผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น มีโรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ เป็นศูนย์บริหารจัดการ และได้ร่วมกับสมาคมโรงแรมไทย เพื่อที่จะปรับเปลี่ยนโรงแรมให้เป็นโรงพยาบาลสนาม 2 รูปแบบ คือโรงพยาบาลสนามที่ใช้พักฟื้นผู้ป่วยโรคโควิด-19 (Hospitel) และโรงพยาบาลสนามที่ใช้สังเกตอาการของผู้เข้าข่ายเฝ้าระวังฯ (Hotel Isolation) รวมทั้งได้เตรียมทางเลือกให้กับผู้ที่ต้องการแยกกักตัวเองจากครอบครัว

 

สำหรับโรงแรมปริ๊นซ์ตัน และโรงแรมพาลาซโซ ได้ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน Hospitel ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โดยโรงแรมปริ๊นซ์ตันมีจำนวน 270 ห้อง ขณะนี้รับผู้ป่วยพักฟื้นตามเกณฑ์กรมการแพทย์ประมาณกว่า 50 คน อยู่ห้องแยกทุกคน และโรงแรมพาลาซโซอีก 439 ห้อง

นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข

“ขอความร่วมมือสังคมให้เข้าใจสถานการณ์ว่าเราจะต้องจัดที่พักให้ผู้ป่วยระหว่างการพักฟื้น และผู้ที่เข้าข่ายเฝ้าระวังฯ เพื่อให้โรงพยาบาลมีเตียงพอที่จะรับผู้ป่วยที่มีอาการปานกลางและอาการหนัก เมื่อเรากักกันทั้ง 2 กลุ่มนี้ได้ จะลดการแพร่ระบาด จำนวนผู้ป่วยจะลดลง ขออย่ารังเกียจตีตรา ขอให้มั่นใจในมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข เพราะเรามีระบบการดูแล จัดการสิ่งแวดล้อมตามหลักวิชาการ ไม่แพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น” นายสาธิต กล่าว

 

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า เกณฑ์ 5 ข้อในการรับผู้ป่วยเข้าพักใน Hospitel คือ ผู้ป่วยต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาลมาแล้วไม่น้อยกว่า 7 วัน และมีผลภาพถ่ายรังสีปอด (chest x – ray) คงที่ ผู้ป่วยยินดีให้ความร่วมมือ สื่อสารได้รู้เรื่อง ดูแลตนเองได้ดี ไม่ก้าวร้าว และไม่มีความเสี่ยงทางจิตเวช ผู้ป่วยต้องไม่มีไข้ โรคประจำตัวควบคุมอาการได้ดี ผู้ป่วยมียามาจากโรงพยาบาลครบตามแผนการรักษา และโรงพยาบาลต้นทางยินดีมารับผู้ป่วยกลับเข้ารักษาหากผู้ป่วยมีอาการเปลี่ยนแปลง โดยมีทีมบุคลากรทางการแพทย์ดูแลติดตามอาการทุกวัน จำนวน  3-5 คน ต่อผู้ป่วย 100 คน และทุกห้องจะต้องมีเครื่องมือทางการแพทย์อย่างน้อย 2 ชิ้น ซึ่งส่วนใหญ่โรงพยาบาลจะจัดให้ คือ เทอร์โมมิเตอร์แบบอัตโนมัติ และเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว

ด้านนายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กล่าวต่อว่า เกณฑ์ในการประเมินความเหมาะสมของโรงแรมในการตั้งเป็นโรงพยาบาลสนาม แบ่งเป็น 5 หมวด ประกอบด้วย

1.โครงสร้างอาคารและวิศวกรรม ต้องมีความปลอดภัยโครงสร้างสมบูรณ์ไม่แตกร้าว ระบบความปลอดภัยพร้อมใช้งาน ห้องพักผู้ป่วยต้องเป็นห้องปรับอากาศแยกส่วนไม่เป็นระบบท่อส่งลมร่วมกัน

2.บุคลากร มีการจัดเตรียมบุคลากรสนับสนุนที่ผ่านการอบรมอย่างถูกต้อง เหมาะสมในการให้บริการ

3.มีความเพียบพร้อมของเครื่องมือทางการแพทย์ วัสดุ อุปกรณ์สำนักงานและอื่น ๆ

4.มีการจัดเตรียมยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลไว้ให้บริการอย่างเหมาะสม

และ5.การจัดการสิ่งแวดล้อมและเป็นมิตรกับชุมชน มีระบบการจัดการขยะติดเชื้อ การบำบัดน้ำเสีย การกำจัดสิ่งปฏิกูลที่ได้มาตรฐาน ขณะนี้ มีโรงแรมทั่วประเทศสมัครเข้าร่วมแล้ว 132 แห่ง อยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติ คาดว่าจะขยายจำนวนห้องพักฟื้นผู้ป่วยและผู้เข้าข่ายเฝ้าระวังได้มากกว่า 16,000 ห้อง

ทั้งนี้ เมื่อโรงแรมผ่านการประเมินตนเองครบทุกข้อกำหนดในทุกหมวดแล้ว จะมีการจัดทำ Shopping List ให้โรงพยาบาลได้เลือกจับคู่กับโรงพยาบาลสนามที่มีระยะการเดินทางใกล้กัน เพื่อนำผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อยหลังจากเข้ารับการรักษาพยาบาลจากสถานพยาบาลเข้าพักฟื้น

 

ขอเชิญชวนผู้ประกอบการโรงแรมที่สนใจจะเข้าร่วมลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (www.hss.moph.go.th) พร้อมประเมินตนเองตามเกณฑ์ที่กำหนด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินโควิด-19 กรม สบส. โทร. 02 193 7024, 7059, 7097 ในวันและเวลาราชการ

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า