Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ยืนยันแล้ว รักษาการ ผบ.ตร. เซ็น ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ กับพวกรวม 5 นาย ออกจากราชการไว้ก่อน

ภาพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (แฟ้มภาพ)

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ในฐานะรักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รักษาการ ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์เมื่อช่วงเย็นวันนี้ (18 เม.ย. 67) กรณีกระแสข่าวเซ็นให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ออกจากราชการไว้ก่อน โดยสรุปกล่าวว่า ได้รับรายงานอย่างเป็นทางการแล้วว่า พฤติการณ์แห่งคดีกับความร้ายแรงของข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น จากการพิจารณาในรายงานของคณะพนักงานสอบสวน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้ตั้งขึ้นมา และ บช.น. ได้รายงานมาด้วยว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แล้วก็ข้าราชการอีก 4 คน รวมเป็น 5 คน ได้กระทำผิดอาญาจริง จึงได้มีการเสนอความเห็นให้ตน ปฏิบัติตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ในมาตรา 131 ซึ่งเป็นกรณีที่ข้าราชการตำรวจต้องหาคดีอาญา ประกอบกับ มาตรา 112 ในรายละเอียดแห่งการพิจารณาว่าจะกระทำผิดวินัยร้ายแรงหรือไม่ ประกอบกัน

“อยากจะเรียนอย่างนี้ครับว่า การพิจารณาเราพิจารณาภายใต้กรอบของกฎหมายว่า พฤติการณ์แห่งคดีและความร้ายแรงขนาดไหน ซึ่งจากการพิจารณาแล้วพบว่า มีความร้ายแรงของข้อเท็จจริงเกิดขึ้นจากการกระทำผิด ซึ่งขณะนี้ถือว่าเป็นผู้ต้องหาคดีอาญา แล้วก็จากการที่ศาลออกหมายจับด้วย ทั้ง 5 รายเลย ก็จึงจำเป็นที่จะต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาทางวินัยตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ จากนั้นเราเห็นแล้วว่าด้วยพฤติการณ์ต่างๆ แล้วก็การสอบสวนของคณะกรรมการคงไม่แล้วเสร็จโดยเร็ว ก็ให้ออกจากราชการไว้ก่อน การออกราชการไว้ก่อนเป็นไปตามกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสั่งพักและออกจากราชการไว้ก่อนทุกประการ” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าว

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวด้วยว่า การลงนามคำสั่งดังกล่าว ตนในฐานะรักษาการ ผบ.ตร. ตนมีอำนาจตามมาตรา 105 และ 108 ถือเป็นผู้บังคับบัญชาการ จากการที่กองวินัยเสนอขึ้นมา ตนเป็นผู้ลงนามในคำสั่ง 2 คำสั่งนี้ ไม่ใช่นายกฯ แต่ต้องรายงานนายกรัฐมนตรี เพราะนายกฯ เป็นผู้ออกคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไปปฏิบัติราชการ ที่สำนักนายกรัฐมนตรี หลังจากนายกฯ ให้รับทราบ สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือ โดยนายกฯ ลงนามส่งตัว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กลับมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถือเป็นกระบวนการปฏิบัติตามกฎหมายครบถ้วนสมบูรณ์

“คำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาทางวินัย กับคำสั่งให้ออกจากราชการ ตนในฐานะรักษาการ ผบ.ตร. ผมเซ็นเอง เซ็นแล้วครับ เซ็นเรียบร้อย มีผลวันนี้ 18 เม.ย. แต่กระบวนการออกจากราชการ ใช้คำว่ายังต้องดำเนินการต่อไปตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุ

รักษาการ ผบ.ตร. ยังได้กล่าวถึงระยะเวลาของคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาทางวินัย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ โดยมี พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รองผบ.ตร. เป็นประธานว่า ทั้งกระบวนการต้องดำเนินการและขอขยายเวลา ภายใน 270 วัน ถ้าไม่เสร็จต้องเร่งรัด ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จ เราเชื่อว่ากระบวนการสอบสวนจะไม่เสร็จโดยเร็ว จึงให้ออกจากราชการไว้ก่อน

ส่วนการอุทธรณ์ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของท่าน ซึ่งคณะกรรมการสอบฯ ที่พล.ต.อ.สราวุฒิ เป็นประธาน จะต้องให้โอกาส พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในการชี้แจงข้อเท็จจริง ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สามารถใช้สิทธิ์อุทธรณ์คำสั่งต่อคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรม ตามกฎหมายตำรวจ ปี 2565 ใหม่ได้ด้วย จากนี้ กองวินัย และคณะกรรมการสอบฯ จะมีหนังสือให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ทราบ

“ความเคลื่อนไหวในการจะฟ้องร้อง หรือทำดำเนินการอะไรโต้ตอบกลับมา ผมถือว่าเป็นสิทธิ์ของท่านที่จะทำได้ ถ้าถามผมว่าหวั่นไหวไหม ไม่มีความหวั่นวิตกหรือหวั่นไหวใดๆ เพราะผมถือว่า ในฐานะรักษาการ ผบ.ตร. ต้องทำทุกอย่างให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง กฎ ก.ตร. ที่เกี่ยวข้องทุกประการ ผมไม่ได้ปุบปับที่จะพิจารณา แต่เราพิจารณามาเป็นเวลา พอสมควร ซึ่งข้อเท็จจริง พฤติการณ์แห่งคดีและความร้ายแรงของข้อเท็จจริง ปรากฏเป็นที่ชัดเจนว่า เป็นการกระทำที่มีการผิดวินัยร้ายแรงเกิดขึ้นแล้ว จึงจำเป็นต้องคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาทางวินัย” รักษาการ ผบ.ตร.

ผู้สื่อข่าวถามถึงคดีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ขณะนี้ตนทราบแต่เพียงว่ามีการร้องทุกข์กล่าวโทษ ที่สน.เตาปูน ดังนั้นกระบวนการสอบสวนต้องไปเริ่มที่ สน.เตาปูน เป็นไปตามลำดับขั้นตอนเช่นเดียวกัน ทราบแค่นี้

เมื่อถามว่า หากเรื่องมาถึงขั้นนี้แบบเดียวกัน จะต้องดำเนินการแบบเดียวกันด้วยหรือไม่ รักษาการ ผบ.ตร. กล่าวว่า เป็นอำนาจของผู้อำนาจพิจารณา ตามมาตรา 105 ก็คือ นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา ผบ.ตร. มาตรฐานเป็นอย่างไรก็ต้องว่าไปตามนั้น ใครถูกกล่าวหาอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ถ้าพบว่าเป็นเรื่องร้ายแรงก็เสนอให้ผู้มีอำนาจลงโทษตามลำดับทัณฑ์ที่กำหนด แต่พบว่าไม่ร้ายแรงก็จะพิจารณาไปตามสมควรแก่กรณีของฐานไม่ร้ายแรง ถ้าพบว่าไม่มีความผิดก็ยุติเป็นไปตามลำดับ เรายังไม่บอกว่าผิดหรือถูก แต่เป็นไปตามกฎหมาย และกฎ ก.ตร.

สำหรับข้าราชการตำรวจที่ถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อน ประกอบด้วย

1. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร

2. พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา

3. พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ รอง ผกก.สส.สภ.สำโรงเหนือ

4. ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว ผบ.หมู่ งานสายตรวจ 1 กก.1 บก.จร.

5. ส.ต.อ.ณัฐนันท์ ชูจักร ผบ.หมู่ สายตรวจ 3 บก.จร.

ภาพ : Thai News Pix (แฟ้มภาพ)

เมื่อวานนี้ ทีมทนายความของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้มอบอำนาจให้ น.ส.พิมพ์พิสุทธิ์ จันทเลิศ เข้าพบ พ.ต.ต.ไมตรี สกุลศิลปกิจ สารวัตรสอบสวน สน.เตาปูน เพื่อขอเลื่อนคำให้การของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ต่อพนักงานสอบสวน ออกไปอีก 10 วัน เป็นวันที่ 27 เม.ย. 67 เวลา 10.00 น.

เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 67 ศาลอาญา อนุญาตให้ออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สมคบฐานฟอกเงิน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน จากการขยายผลคดีเว็บพนันออนไลน์ BNK Master ของสน.เตาปูน ซึ่งช่วงค่ำวันเดียวกันนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้เข้ามอบตัว โดยได้รับการประกันตัว หลังยื่นหลักทรัพย์ 1 แสนบาท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศาลอาญา อนุมัติแล้ว หมายจับ ‘บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ ข้อหาฟอกเงิน

เปิดคำสั่ง นายกฯ สั่ง ‘พล.ต.อ.ต่อศักดิ์-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ ช่วยราชการสำนักนายกฯ 60 วัน พร้อมตั้งกรรมการสอบ

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า