SHARE

คัดลอกแล้ว

1) ที่ผ่านมาประเทศไทย คือ ฮับของอุตสาหกรรมรถยนต์สันดาปภายใน (ICE) ก่อนรถยนต์ไฟฟ้าจะเริ่มเข้ามาดิสรัป ทำให้ค่ายรถหันไปพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ทั้งแบบ BEV (แบตเตอรี่ล้วน) และ HEV&PHEV (ใช้น้ำมันและไฟฟ้าร่วม) มากขึ้น ทำให้ตอนนี้ยอดขายในประเทศของรถยนต์ BEV และ HEV&PHEV เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีส่วนแบ่งในตลาดเพิ่มขึ้นชัดเจน

2) ในปี 2567 ‘ศูนย์วิจัยกสิกรไทย’ คาดว่า ส่วนแบ่งตลาดในไทยรถยนต์ BEV และ HEV&PHEV จะเพิ่มขึ้นไปสู่ 15% และ 16% 

ส่วนแบ่งตลาดของรถยนต์ BEV และ HEV&PHEV ในกลุ่ม ‘รถยนต์นั่ง’ 

คาดว่าจะเพิ่มขึ้นไปถึง 28% และ 31% ตามลำดับ 

ในขณะที่ ‘รถปิกอัพ’ ติดปัญหาเทคโนโลยีและต้นทุน ทำให้กว่าจะได้เห็นความก้าวหน้าชัดเจนก็คงเป็นปีนี้เป็นต้นไป โดยเริ่มจากปิกอัพ HEV&PHEV แล้วค่อยขยับสู่ปิกอัพ BEV ในอนาคต 

3) ฝั่ง ‘ตลาดโลก’ ก็นำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 

เมื่อ 5 ปีก่อนค่าเฉลี่ยนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้ารวมทั่วโลก 5%

แต่ 3 ไตรมาสแรกของปี 2566 ค่าเฉลี่ยขยับสัดส่วนมาเป็น 15%

พอเจาะเฉพาะ ‘ตลาดส่งออกหลักของไทย’ จะเห็นว่า หลายตลาดเพิ่มการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากฐานผลิตต่างๆ ทั่วโลกในสัดส่วนที่มากกว่าค่าเฉลี่ยโลกอีก

ดังนั้น จึงเป็นโอกาสให้ไทยผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อส่งออกไปยังตลาดเหล่านี้ได้เพิ่มขึ้น โดยช่วงแรกเน้นพัฒนาในรูปแบบรถยนต์นั่งตามตลาดในประเทศ และอนาคตพัฒนาเพิ่มสู่ปิกอัพ BEV และ HEV&PHEV ต่อไป อาศัยจุดแข็งที่ไทยเป็นฐานผลิตปิกอัพเพื่อส่งออกระดับโลกอยู่

4) ถึงตอนนี้กระแสของ BEV และ HEV&PHEV จะมาโตพร้อมๆ กัน แต่ว่าอีกหน่อย BEV จะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ และปริมาณการผลิต BEV ก็จะเพิ่มขึ้นตาม กระทบกับ ‘รถยนต์น้ำมัน’ ให้เข้าสู่ขาลง

5) ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในปี 6 ปีข้างหน้า หรือปี 2573 ที่รัฐตั้งเป้าผ่านนโยบาย 30@30 ว่าไทยจะมีสัดส่วนการผลิตรถยนต์ BEV ที่ 30% 

ตอนนั้นการผลิตรถยนต์น้ำมันและ HEV&PHEV ในไทยอาจเหลือส่วนแบ่งเพียง 71% ลดลง จากส่วนแบ่ง 96% ในปีนี้ บนเงื่อนไขที่โครงสร้างรองรับ BEV ดีพอสำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า

6) ดังนั้น ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่ใช้เฉพาะรถยนต์ใช้น้ำมัน โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องยนต์และชิ้นส่วนระบบส่งกำลังที่มีอยู่มากกว่า 350 รายในประเทศจะได้รับผลกระทบ 

7) ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า มูลค่าชิ้นส่วนที่ใช้เฉพาะกับรถยนต์ใช้น้ำมันจะหดตัวด้วยอัตราเฉลี่ย 2.0% ต่อปี

ในปี 2567 อยู่ที่ 284,700 ล้านบาท 

ในปี 2573 มาอยู่ที่ 252,060 ล้านบาท

โดยกำหนดให้ราคาชิ้นส่วนต่างๆ คงที่

8 ) ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์น้ำมันจะได้รับผลกระทบไม่เท่ากับ อยู่ที่ว่าผลิตให้ใครและกระจายคำสั่งซื้อมากน้อยแค่ไหน 

คนที่ได้รับผลกระทบเร็วและแรงก่อนคนอื่นๆ คือ กลุ่มที่ผลิตชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์นั่งใช้น้ำมันและป้อนค่ายรถที่เน้นขายในตลาดประเทศ

ขณะเดียวกัน การลงทุนผลิต BEV ก็อาจจะสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนไทย แต่จะมากน้อยแค่ไหน เราคงต้องจับตา

ที่มา : https://www.kasikornresearch.com/TH/analysis/k-social-media/Pages/index.aspx?c=374

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า