ทำไมถึงโตได้ในโควิด ‘ไทยเวียตเจ็ท’ กับแผนขยายฝูงบินสู่ 50 ลำ

แม้ว่าจะมีอายุกว่า 6 ปีแล้ว เพราะเริ่มให้บริการในไทยมาตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา แต่ว่าก่อนโควิด-19 จะแพร่ระบาดไปทั่วโลก สายการบิน ‘ไทยเวียตเจ็ท’ เป็นสายการบินที่เน้นบินชาร์เตอร์ไฟล์ท (เที่ยวบินเหมาลำ) และส่วนใหญ่เป็นเส้นทางระหว่างประเทศ โดยเฉพาะเส้นทางจากจีน มีเส้นทางในประเทศเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

จนกระทั่งการเข้ามาของโควิด-19 ทำให้ ‘ไทยเวียตเจ็ท’ ปรับแผนหันมาให้บริการเส้นทางในประเทศเพิ่มมากขึ้นและสามารถขยับส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศจากอันดับ 6 ขึ้นมาอยู่ในอันดับต้นๆ ได้ และเป็นหนึ่งในไม่กี่สายการบินในโลกที่มีการเติบโตในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา

จากฝูงบิน 11 ลำสู่ 16 ลำ

จากพนักงาน 650 คน สู่ 990 คน

จากส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 6 สู่อันดับ 2

TODAY Bizview ชวนอ่านสรุปวิธีการเก็บโอกาสจากวิกฤตและแผน 5 ปีต่อจากนี้ของไทยเวียตเจ็ทที่แผนคือ ขยายฝูงบิน 2 เท่าสู่ 50 ลำ

[ 3 ปีโควิดทะลวงจากอันดับ 6 สู่อันดับ 2 ในตลาด ]

เริ่มต้นจากการย้อนมาดูสถิติปัจจุบันของ ‘ไทยเวียตเจ็ท’ ก่อนจะไปค้นหาวิธีการสร้างโอกาสในวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมาก่อน 

ไทยเวียตเจ็ท คาดจบปีจะมีผู้โดยสารรวม 6.3 ล้านคนจากเดิม 3.5 ล้านคนก่อนโควิด-19

เติบโต 232% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนแบ่งเป็น

ผู้โดยสารเส้นทางในประเทศ 5.3 ล้านคน เติบโต 117%

ผู้โดยสารเส้นทางระหว่างประเทศ 6.68 แสนคน เติบโต 19,185%

มีอัตราบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ยตลอดปี

เส้นทางในประเทศ 83%

เส้นทางระหว่างประเทศ 82%

ครองส่วนแบ่งเป็นอันดับ 2 ด้วยเที่ยวบินเกือบ 100 เที่ยวบินต่อวัน

โดยปัจจุบัน ‘เส้นทางในประเทศ’ จากกรุงเทพฯ ของไทยเวียตเจ็ท มีกว่า 10 เส้นทาง ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต กระบี่ อุดรธานี หาดใหญ่ ขอนแก่น นครราชสีมา อุบนราชธานี และสุราษฎธานี รวมถึงยังมีเส้นทางข้ามภาค 2 เส้นทาง คือ ภูเก็ต-เชียงใหม่ และภูเก็ต-เชียงรายได้

ส่วน ‘เส้นทางระหว่างประเทศ’ จากกรุงเทพฯ ที่กลับมาเปิดอีกครั้งและเปิดใหม่ รวมมีทั้งหมด 8 เส้นทาง ได้แก่ โฮจิมินห์ ดานัง ดาลัด ฟูโก๊วก พนมเปญ สิงคโปร์ ฟุกุโอกะ และไทเป รวมทั้งหมดกว่า 92 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และมีเส้นทางที่พึ่งเปิดใหม่ล่าสุดอย่างเชียงใหม่-โอซาก้าอีก 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์

เส้นทางระหว่างประเทศที่กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในปีนี้ ทำให้ ‘สัดส่วน’ เส้นทางในและระหว่างประเทศของไทยเวียตเจ็ทขยับจาก

ในประเทศ 99% ระหว่างประเทศ 1% ในช่วงต้นปี 2022 ไปเป็น

ในประเทศ 59% ระหว่างประเทศ 41% ในช่วงปลายปี 2022

[ กลยุทธ์แบบตัวตึง ไม่หยุด ไม่ลด เน้นบินต่อ ]

โดย ‘กลยุทธ์’ ที่ไทยเวียตเจ็ทเลือกใช้ในระหว่างวิกฤต-19 ที่ผ่านมา

อย่างแรก คือ ตัดสินใจจะปรับแผนอย่างแข็งกร้าว อาศัยความเล็กของเครื่องและสายการบินในการหันมาบิน ‘ในประเทศ’ อย่างเต็มที่ เพิ่มจุดหมายปลายทางในประเทศจาก 4 จุดเป็น 10 จุดในเวลาเพียง 5 เดือน 

อย่างสอง คือ หันมาโฟกัสเรื่องเซอร์วิสและแบรนด์ดิ้ง ลุยเพิ่มบริการอย่าง Sky Cafe เสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน ให้บริการเลาจน์พิเศษสำหรับผู้ใช้ SkyBOSS ไปจนถึงผลักดัน AMY AI CHATBOT บริการช่วยเหลือผู้โดยสาร เพื่อลดภาระคอลเซ็นเตอร์ ให้บริการซื้อสินค้า จองเที่ยวบิน เปลี่ยนแปลงเที่ยวบินได้

ทำให้สายการบินไทยเวียตเจ็ทไม่มีนักบิน ลูกเรือ และเครื่องบินว่างในช่วงโควิด-19 รวมถึงสามารถขยายฝูงบินเพิ่มได้ด้วย จนกระทั่งตอนนี้ที่ประเทศไทยและทั่วโลกกลับมาเปิดบิน ทำให้สามารถกลับมาขยายการเติบโตในเส้นทางระหว่างประเทศได้อีกครั้ง

[ เครื่องบินไม่พอ คำตอบเรื่องดีเลย์ ]

ส่วนปัญหาเรื่อง ‘ดีเลย์’ เกิดจาก 2 สาเหตุหลักๆ คือ จำนวนเครื่องบินของสายการบินที่แต่เดิมคาดว่าจะสามารถนำเครื่องเข้ามาใช้เพิ่มได้ 2 เครื่อง แต่ยังติดปัญหาไม่สามารถนำมาบินได้ทั้งสองเครื่อง รวมถึงเครื่องส่งซ่อมไม่แล้วเสร็จตามกำหนด

นอกจากนั้น อีกสาเหตุ คือ ระบบบริการภาคพื้นดินที่เกิดปัญหาดีมานด์มากกว่าซัพพลาย เนื่องจากการขาดแคลนบุคลากรของบริษัทผู้ให้บริการกราวด์ แฮนด์ลิง ที่ยังไม่สามารถเพิ่มบุคลากรได้ทันกับความต้องการ ไทยเวียตเจ็ทจึงอยู่ระหว่างขออนุญาตทำกราวด์ แฮนด์ลิงเอง เพื่อผ่อนคลายปัญหาการดีเลย์ของเครื่องบิน

[ อนาคตสู่ 50 ลำ เน้นเส้นทางอินเตอร์ ]

‘วรเนติ หล้าพระบาง’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยเวียตเจ็ท ยืนยันว่า ในปี 2023 ไทยเวียตเจ็ทจะขยายฝูงบินขึ้นเป็น 20 ลำ เพิ่มความถี่ในเส้นทางยอดนิยมอย่างดาลัด พนมเปญ และสิงคโปร์

รวมถึงขยายเส้นทางบินระหว่างประเทศสู่เส้นทางใหม่ๆ ในเวียดนาม อาเซียน จีน อินเดีย (อย่างน้อย 5 เมือง อาทิ อาห์เมดาบัด มุมไบ ชัยปุระ ลัคเนา) ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ 

ปี 2023 ตั้งเป้าหมายผู้โดยสารรวม 7.5 ล้านคน เติบโต 28%

แบ่งเป็นเส้นทางในประเทศ 4.8 ล้านคน ลดลง 10%

เส้นทางระหว่างประเทศ 2.7 ล้านคน เติบโต 326%

ทำให้สัดส่วนเส้นทางในประเทศและระหว่างประเทศจะขยับจาก 59 : 41 เป็น 33 : 67

พร้อมตั้งเป้าหมายสร้างรายได้เติบโต 99%

แบ่งเป็นรายได้จากเส้นทางจีน 20%

กำลังการผลิตเติบโตขึ้น 96%

อัตราบรรทุกผู้โดยสารในเส้นทางระหว่างประเทศ 80%

พร้อมเพิ่มอัตราการใช้ประโยชน์เครื่องบินเป็น 12 ชั่วโมง

ด้วยสมมติฐานที่เชื่อว่า จีนจะเปิดการเดินทางในไตรมาส 2 ของปีหน้า 

ส่วนแผนระยะไกลในอีก 5 ปีข้างหน้า

ในปี 2022 ไทยเวียตเจ็ทจะมีฝูงบิน 18 ลำ

ในปี 2023 ไทยเวียตเจ็ทจะมีฝูงบิน 20 ลำ

ในปี 2024 ไทยเวียตเจ็ทจะมีฝูงบิน 32 ลำ (เปลี่ยนฝูงบินเป็นเครื่องโบอิ้ง เพิ่มระยะบิน)

ในปี 2025 ไทยเวียตเจ็ทจะมีฝูงบิน 44 ลำ

ในปี 2026 ไทยเวียตเจ็ทจะมีฝูงบิน 50 ลำ

โดยวางเป้าในปี 2027 จะมีสัดส่วนเส้นทางในประเทศ 15% และระหว่างประเทศ 85%

“ปีนี้แม้จะไม่กำไร แต่ก็ขาดทุนค่อนข้างน้อยกว่าอุตสาหกรรมโดยรวม ในปีหน้าไทยเวียตเจ็ทจะเน้นโฟกัสการขยายเส้นทางระหว่างประเทศและเพิ่มบริการออนไลน์ที่ทำให้ผู้โดยสารสะดวกสบายมากขึ้น เชื่อว่าปีหน้าจะเป็นปีที่ดีของไทยเวียตเจ็ท”