Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

‘หนี้’ กับคนไทยแทบจะเป็นของคู่กัน ไม่ว่าจะในภาวะเศรษฐกิจดีหรือไม่ก็ตาม คนไทยยังคงต้องการเงินทุนเพื่อไปดำรงชีวิต ต่อยอดธุรกิจ จ่ายคืนหนี้ก้อนเก่า จ่ายคืนหนี้ก้อนใหม่ ฯลฯ

วันนี้ TODAY Bizview มีโอกาสคุยกับหนึ่งคนที่รอบรู้เรื่องหนี้รายย่อยมากที่สุด ‘วุฒิศิลป์ จรัสบวรพันธ์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพื่อนแท้ แคปปิตอล จำกัด

โดยธุรกิจของ ‘เพื่อนแท้ แคปปิตอล’ เปิดบริการมาตั้งแต่ปี 2559 หรือประมาณ 8 ปี แต่ก่อนหน้านี้มีประสบการณ์เกี่ยวกับการปล่อยสินเชื่อที่ดินรวมประมาณ 20 ปีแล้ว

[ เข้าใจธุรกิจสินเชื่อ ‘พิโกไฟแนนซ์’ ]

ในช่วงปี 2562-2563 บริษัทฯ เริ่มเห็นโอกาสที่รัฐบาลออกนโยบายแก้หนี้นอกระบบผ่านการเปิดใบอนุญาต ‘พิโกไฟแนนซ์’ (Pico Finance)

ซึ่งข้อดีคือ ขอใบอนุญาตตัวเดียว สามารถปล่อยสินเชื่อได้ทั้งที่มีและไม่มีหลักประกัน สินเชื่อที่มีหลักประกัน เช่น ที่ดิน คู่มือรถยนต์ คู่มือรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งเหมาะกับธุรกิจที่บริษัทฯ เคยทำมา

อย่างไรก็ตาม ใบอนุญาตดังกล่าวยังมีข้อจำกัดที่ว่า 1 บริษัท สามารถขอและประกิบธุรกิจได้เพียง 1 จังหวัด ส่งผลให้บริษัทต้องออกแบบโครงสร้างในลักษณะกลุ่มบริษัท (Holding) ปัจจุบันมีสาขาให้บริการอยู่ใน 15 จังหวัด

ทั้งนี้ เพื่อแท้ฯ ขอใบอนุญาตแบบ Pico Plus สามารถปล่อยสินเชื่อวงเงินสูงสุด 100,000 บาทต่อราย โดยดอกเบี้ย 50,000 บาทแรกเก็บได้ไม่เกิน 33-36% ต่อปี ส่วนที่เกิน 50,000-100,000 บาท เก็บได้ 28%

หลักๆ ที่ปล่อย บริษัทฯ ยังเน้นพอร์ตสินเชื่อที่ดินเป็นหลัก ประมาณ 98% ซึ่งแตกต่างจากธุรกิจการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-bank) ในตลาดที่เน้นปล่อยสินเชื่อรถยนต์เป็นหลัก

[ คนไทยยอมเบี้ยวหนี้ที่ดินก้อนสุดท้าย ]

ก่อนหน้านี้ บริษัทฯ เคยลองปล่อยสินเชื่อไม่มีหลักประกันเช่นกัน แต่พบว่าเทรนด์หนี้ที่ไม่ก้อให้เกิดรายได้ (NPL) ค่อนข้างสูง จึงตัดสินใจยุติการปล่อยและคงสัดส่วนไว้ในระดับต่ำ

ปัจจุบัน (ณ ไตรมาส 2 ปี 2566) NPL ของพอร์ตสินเชื่อของบริษัทฯ อยู่ที่ระดับ 3.27% ปรับตัวดีขึ้นจากสิ้นปี 2565 ที่ 3.60% เป็นผลจากเน้นการปล่อยสินเชื่อที่ดินที่มีหลักประกัน

ขณะที่ข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พบว่า NPL ของเซกเตอร์หลักประกันที่เป็นที่ดินเริ่มชะลอตัวลงและทรงตัวต่อเนื่องมาราว 4-5 ไตรมาส

สวนทางกับ NPL ของสินเชื่อรถยนต์ที่ยังทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ซึ่งพอร์ตส่วนใหญ่ของเพื่อแท้ฯ เป็นสินเชื่อที่ดิน ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถคุม NPL ได้ดีกว่าเจ้าอื่นๆ

ปัจจุบันสินเชื่อรายย่อยสามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภท คือ 1. สินเชื่อไม่มีหลักประกัน (Unsecured Loan) ได้แก่ บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด 2. สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ และ 3. สินเชื่อที่ดิน

‘หากเราไปดูข้อมูลเครดิตบูโร เวลาลูกค้ามีปัญหา ลูกค้าจะทิ้งตัวสินเชื่อที่เป็นบัตรเครดิตก่อน สุดท้ายค่อยทิ้งรถ และสุดท้ายค่อยไปทิ้งตัวที่เป็นบ้าน’

[ โมเดลเงินด่วนออนไลน์ โตไว ต้นทุนต่ำ ]

‘โมเดลที่เจ้าใหญ่ใช้กัน จะเน้นเปิดสาขาเยอะๆ ซึ่งถ้าเราจะไปแข็งกับรายใหญ่ โมเดลการเปิดสาขาเยอะๆ น่าจะไปแข่งกับเขาไม่ได้ เราเลยใช้โมเดลอีกแบบหนึ่ง’

หนึ่งในนั้นคือการเติบโตผ่านช่องทางออนไลน์ที่เติบโตต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 หรือช่วงโควิด-19 จากสัดส่วน 10% ปัจจุบันขยายตัวมาอยู่ที่ 20% โดยคาดว่าในอนาคต ยอดสินเชื่อผ่านช่องทางออนไลน์จะสามารถเติบโตได้อย่างน้อยเท่าตัว

ขณะที่สาขา บริษัทเน้นเพิ่มศักยภาพพนักงาน ส่งผลให้ยอดสินเชื่อต่อสาขาเติบโตขึ้นประมาณ 38% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (ณ ไตรมาส 2 ปี 2566)

บริษัทฯ คงไม่ได้เน้นเปิดสาขาแข่งกับคู่แข่ง แต่คงเน้นขยายผ่านสาขาเดิมที่มี อย่างปี 2566 ก็เปิดเพียง 2 สาขา คือ ชลบุรี และระยอง ซึ่งปี 2567 ก็คาดการณ์ว่าคงเปิดไม่เกิน 1-2 ที่ โดยปัจจุบันเปิดให้บริการอยู่ 23 สาขาใน 15 จังหวัด

‘โมเดลใหม่ของเราจะเน้นเปิดสาขาใหม่ในจังหวัดที่มีความเป็นเมืองมากขึ้น เพราะจะเน้นเรื่องการทำออนไลน์ที่เราถนัดมากกว่า และต้นทุนการหาลูกค้าผ่านทางออนไลน์ก็ถูกกว่าด้วย’

ซึ่งจากตัวเลขก็สะท้อนว่า ในปี 2567 บริษัทฯ ยังสามารถคงการเติบโตได้ที่ 50% โดยไม่จำเป็นต้องเปิดสาขาเพิ่ม กล่าวคือ ปีหน้าอาจไม่จำเป็นต้องเปิดสาขา ยอดสินเชื่อก็เติบโตได้

[ ออกหุ้นกู้ 100 ล้านบาท ดอกเบี้ย 7.5% ]

ปัจจุบัน แหล่งเงินทุนของบริษัทฯ มาจากเงินทุนส่วนตัว เงินกู้ธนาคาร และการออกหุ้นกู้ สำหรับหุ้นกู้ เสนอขายชุดแรกไปเมื่อเดือน พ.ค. 2566

ส่วนชุดที่ 2 กำลังจะเสนอขายในช่วงกลางเดือน ต.ค.นี้ มูลค่า 150 ล้านบาท (เสนอขาย 100 ล้านบาท และสำรองอีก 50 ล้านบาท) ดอกเบี้ย 7.5% โดยใช้พอร์ตที่ดินเป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน ระยะเวลาถือครอง 2 ปี จ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน

สำหรับพอร์ตลูกหนี้ค้ำประกัน ในชุดแรกค้ำประกันในอัตรา 1.5 เท่า ขณะที่ชุดที่ 2 นั้น ค้ำประกันด้วยอัตรา 1.25 เท่า ทั้งนี้ เนื่องจากความต้องการซื้อหุ้นกู้ค่อนข้างสูง ประกอบกับบริษัทฯ มีประสบการณ์ออกหุ้นกู้แล้วครึ่งหนึ่ง จึงตัดสินใจปรับลดอัตราค้ำประกันลง

ทั้งนี้ หุ้นกู้ชุดที่ 2 จะเสนอขายวันที่ 24-26 ต.ค. 2566 ก่อนจะออกหุ้นกู้วันที่ 27 ต.ค. ยอดจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณขั้นต่ำ 100,000 บาท ขณะที่ในปี 2567 มีแผนจะออกหุ้นกู้อีกราว 1-2 ชุดเช่นกัน รวมถึงอยู่ระหว่างเจรจากับสถาบันการเงินเกี่ยวกับการออกวงเงินสินเชื่อเพิ่มเติม

‘ดอกเบี้ยหุ้นกู้สูงกว่าเรทแบงก์ แต่แบงก์ใช้เวลาในการพิจารณานาน ประมาณ 6 เดือน อันนี้คือขั้นต่ำ คือถ้าจะให้เราหยุดปล่อยแล้วให้ลูกค้ารอ คือมันรอไม่ได้ เลยมาใช้ช่องทางนี้ (หุ้นกู้) แต่หากเข้าตลาดฯ คาดว่าต้นทุนก็น่าจะปรับลง ประกอบกับบางแบงก์ พอเราออกหุ้นกู้เขาก็มีการปรับดอกเบี้ยให้ บางเจ้าก็ปรับให้เกือบๆ 1%’

[ อยากขายหุ้น IPO ภายในปี 2567-2568 ]

สำหรับแผนการเติบโตในระยะต่อจากนี้ เพื่อนแท้ฯ ตั้งเป้าหมายเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) อย่างเร็วในช่วงปลายปี 2567 หรืออย่างช้าในช่วงต้นปี 2568

ปัจจุบันอยู่ระหว่างจัดการการควบคุมภายใน (Internal Control) เป็นหลัก ขณะที่งบการเงินและส่วนอื่นๆ มีการจัดทำตามมาตรฐานบัญชีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบไตรมาส 3 ปี 2567 ในการยื่นแบบแสดงข้อมูล (Filing) แก้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยตอนนี้มีผู้ประกอบการ Pico Finance ที่เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ประมาณ 2-3 เจ้า

ขณะที่เป้าหมายพอร์ตสินเชื่อ คาดว่าจะเติบโตแตะ 500 ล้านบาทภายในปี 2566 จากสิ้นปี 2565 ที่ 340 ล้านบาท ก่อนจะเติบโตแตะ 1,000 ล้านบาทภายในช่วงต้นปี 2568

[ ใช้ที่ดินค้ำประกัน เพิ่มความเชื่อมั่นนักลงทุน ]

เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นต่อการเสนอขายหุ้นกู้ หลังจากในตลาดเกิดการ ‘ผิดนัดชำระหนี้’ หรือ Default ค่อนข้างหลายตัว บริษัทฯ มองว่า ต้องย้อนกลับไปดูที่สินทรัพย์ค้ำประกัน อย่างหุ้นกู้ของเพื่อนแท้ฯ คือพอร์ตที่ดินของลูกหนี้

โดยพอร์ตที่ดินดังกล่าวมี 2 ราคา คือ ราคาซื้อขาย และราคาประเมินจากกรมที่ดิน เวลาที่บริษัทฯ ประเมิน จะใช้ราคาประเมินจากกรมที่ดิน ซึ่งเป็นราคาที่ถูกลด (Discount) จากราคาซื้อขายมาแล้วขั้นต่ำประมาณ 50%

เช่น ราคาซื้อขายที่ A มูลค่า 100,000 บาท ราคาประเมินอาจอยู่ที่ประมาณ 50,000 บาท เป็นต้น โดยทางบริษัทฯ อาจปล่อยเงินกู้ให้ที่ประมาณ 60,000-70,000 บาท หมายความว่า เมื่อลูกค้ามีปัญหา บริษัทฯ สามารถนำที่ดินไปขายทอดตลาดได้ ประกอบกับราคาที่ดินปรับขึ้นทุกปี

[ ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อโต 2,000 ล้าน ]

ปัจจุบันเพื่อนแท้ฯ ครองส่วนแบ่งตลาด 5% โดยตั้งเป้าหมายแข่งขันพอร์ตสินเชื่อที่ดินกับบริษัทสินเชื่อขนาดใหญ่ที่ให้บริการในระดับหมื่นล้านบาท และขยายตัวไปให้บริการแก่ลูกค้าที่เคยใช้บริการสินเชื่อนอกระบบให้เข้าสู่ระบบแทน

สำหรับการให้บริการ ลูกค้าจำเป็นต้องเข้ามาหาบริษัทฯ ที่สาขาในครั้งแรกก็จริง แต่ครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 ฯลฯ สามารถกู้เงินผ่านแอปพลิเคชันโดยที่ไม่ต้องเดินทางมาสาขาก็ได้ ส่วนความเสี่ยง ซีอีโอชี้ว่า บริษัทฯ ไม่ได้ดูข้อมูลเครดิต (เครดิตบูโร)

สำหรับผลการดำเนินงานของเพื่อนแท้ แคปปิตอล ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้ 48.1 ล้านบาท เติบโต 46% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่มีกำไรสุทธิ 5.2 ล้านบาท เติบโต 52% เมื่อเทียบช่วงเดียวกกันปีก่อน

ส่วนในปี 2564-2565 บริษัทฯ มีรายได้ 54 และ 73.6 ล้านบาท ตามลำดับ โดยมีกำไรสุทธิที่ 4.2 และ 7.5 ล้านบาท ตามลำดับ โดยคาดว่าภายใน 3 ปีข้างหน้า (2567-2569) บริษัทฯ จะสามารถคงการเติบโตของรายได้ได้ปีละประมาณ 50% หรือคาดว่าพอร์ตสินเชื่อจะเติบโตแตะ 2,000 ล้านบาทถายในปี 2569-2570

[ ธุรกิจปล่อยเงินด่วน การแข่งขันสูง ]

สำหรับภาพการแข่งขัน แน่นอนว่าธุรกิจเงินด่วนเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันในตลาดสูง ซึ่งจุดเด่นของเพื่อนแท้ แคปปิตอล นอกจากจะอนุมัติไวใน 10 นาทีแล้ว ยอดเงินที่พิจารณาให้ยังเป็นยอดเงินจริงที่ลูกค้าได้รับอีกด้วย

นอกจากจุดแข็งในการอนุมัติไว บริษัทฯ ยังได่ประโยชน์จากกฎเกณฑ์กำกับดูแลของภาครัฐ โดยร่างกฎหมายใหม่ของ Pico Finance จะระบุให้บริษัทฯ ที่ได้รับใบอนุญาตนาโนไฟแนนซ์ (Nano Finance) หรือสินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่สามารถขอใบอนุญาต Pico Finance ได้

ทั้งนี้ กฎเกณฑ์ดังกล่าวจะช่วยป้องกันไม่ให้นักลงทุนรายใหญ่ในตลาดเข้ามาขอใบอนุญาต Pico Finance ปัจจุบันอยู่ระหว่างนำเสนอต่อกระทรวงการคลังในการปรับเปลี่ยนคำนิยามจาก ‘บริษัทแม่’ เป็น ‘กลุ่มบริษัท’ ซึ่งต้องติดตามพัฒนาการต่อไป

‘ส่วนตัวเราก็เห็นด้วย เพราะเป็นกฎเกณฑ์ที่ช่วยลดการผูกขาด’

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า