SHARE

คัดลอกแล้ว

บทความนี้ เรื่องเกี่ยวกับการโดน Bully ถ้าคนไม่เคยโดนก็คงไม่เข้าใจ แต่ถ้าโดนกับตัวเองเมื่อไร จะรู้เลยครับว่ามันไม่สนุก เพราะมันคือ มลภาวะในที่ทำงาน ความไม่สบายใจที่ต้องมาเจอคำพูด พฤติกรรม และบรรยากาศในการทำงานแย่ๆ

ลองสังเกตดีๆ คำว่า “Bully” เพิ่งเข้ามาเป็นคำฮิตติดปากคนไทยได้ไม่นานครับ และเอาจริงๆ ก็หาคำแปลที่ตรงตัว ตรงใจแบบ 100% ก็ยังไม่ค่อยได้แบบที่ครบทุกมิติ

แต่นั่นไม่สำคัญเท่าการที่คนไทยเราหลายคน ไม่เคยรู้ว่าพฤติกรรม-คำพูดที่เราทำๆ กันอยู่นี้ บางทีมันเข้าข่าย Bully แบบที่คนพูดสนุกปาก ตลกมากๆ แต่คนฟังหรือคนโดนเขาไม่ได้สนุกด้วย

ที่ผ่านมา ในวงการทำงาน โดยเฉพาะในวัฒนธรรมการทำงานแบบไทยๆ ที่มีระบบระบอบ “ผู้ใหญ่” และ “ผู้น้อย” เรื่องการโดนบูลลี่จึงกลายเป็นเรื่องที่หลายต่อหลายคนทุกข์และต้องอดทนมาก เพราะไม่สามารถทำอะไรได้ จะตอบโต้ก็อาจจะโดนเล่นงาน จะร้องเรียนก็ไม่รู้ว่าใครเป็นพวกใครบ้าง

และก็จะจบลงด้วยการจำยอม “ปล่อยไปเถอะ” “ยอมๆ ไปเถอะ” แต่แล้วก็มานั่งเก็บกดที่บ้าน ไม่มีความสุข ไม่อยากมาทำงาน ไม่อยากพบเจอ แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ เพราะปากท้องก็ต้องเลี้ยง เงินทองก็ต้องหา

แต่ผมเชื่อว่าวันนี้โลกเปลี่ยนไปมากแล้วครับ และสำหรับคนที่ยังกังวลเมื่อเจอปัญหาอะไรแบบนี้ ลองพิจารณาแนวทางที่ผมขอลองนำเสนอจากประสบการณ์ในความเป็นเป็น HR ดูครับ

-อย่าเพิ่งด่วนสรุป ลองพิจารณาก่อนว่า สิ่งที่เรากำลังโดน มันใช่การ Bully หรือล่วงเกินในแง่มุมต่างๆ จริงไหม

โดยอาจจะสังเกตได้จากความถี่ ความตั้งใจทำให้เสียหน้า เสียความรู้สึก การกระทำต่อหน้าฝูงชน และอื่นๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเราไม่ได้กำลังอ่อนไหวเกินไป หรือ Oversensitive จนบอบบางไปหมดทุกเรื่อง

ถ้ามันเป็นแค่การพูดจาเล่นกัน ไม่ได้มีความตั้งใจมุ่งร้าย และไม่ได้เกิดซ้ำ เราอาจจะมองข้ามได้ หรืออาจจะสะกิดพูดจาบอกกันได้ว่า แบบที่เพิ่งทำเมื่อกี้ “มันแรงอยู่นะ” ให้เจ้าตัวคนทำได้รู้ตัวว่าเราไม่ได้ชอบ เพื่อเขาจะได้ไม่ทำอีก บางทีคนที่ทันกัน ก็อาจจะย้อนหรือแย้บสวนไปเบาๆ ได้ ให้รู้ว่านี่คุณกำลังล้ำเส้น

-ถ้าพิจารณาดูแล้ว เราเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติ หรือไม่ควรมองเป็นเรื่องปกติ ถ้าอยู่ในวิสัยที่ทำได้ ลองให้ Feedback กับเขาโดยแบบสร้างสรรค์ดูครับ คุยกันในพื้นที่ส่วนตัวแบบที่เป็นมิตรกัน

เราสามารถบอกได้เลยว่า จากการกระทำเมื่อครู่นี้เรารู้สึกอย่างไร (Emotional impact) และในเชิงความเป็นจริง หรือสิ่งที่ถูกต้อง (Logical impact) มันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น หรือไม่ได้สร้างประโยชน์ให้กับใครเลย

ถ้าเขารับฟังด้วยดีและแก้ไข ก็ถือว่า Win-Win ครับ แต่วิธีนี้บางคนอาจจะรู้สึกว่าทำได้ไม่ง่าย โดยเฉพาะถ้าคนที่ทำเป็นคนที่เป็นหัวหน้าหรือมีอิทธิพล ผมเข้าใจอย่างดีครับว่ามันไม่ง่าย งั้นลองมาดูวิธีถัดไปกันครับ

-ปรึกษาหัวหน้างานของเรา หรือ HR อย่าไปกลัวว่าวิธีนี้จะส่งผลเสียอะไร เพราะถ้าคุณแน่ใจแล้วว่าโดนคุกคาม หรือ Bully และลองหาทางออกแบบสันติด้วยตนเองแล้วลำบากมาก เราก็ต้องยกระดับไปสู่ช่องทางที่เป็นมืออาชีพและเป็นทางการด้วยการมีคนกลางเข้ามาช่วยดูแลอย่างเป็นธรรมครับ

การที่มีหัวหน้างานหรือ HR เข้ามาช่วย อย่างน้อยคุณสบายใจได้ว่า ในเบื้องต้นจะมีคนที่ช่วยคุณกลั่นกรองความคิดของคุณก่อนในขั้นแรกว่าเราไม่ได้คิดไปเองหรือคิดเยอะไป

ต่อมาถ้าหัวหน้างานและ HR เขา Professional พอ เขาน่าจะสามารถให้คำแนะนำ ลงมาช่วยจัดการกับสถานการณ์ที่คุณเจออยู่ให้ผ่านไปได้อย่างมืออาชีพ แต่ถ้าทำแล้วยังไม่ช่วยอีก…ไปต่อกันครับ

-ยกระดับไปยังช่องทางขององค์กรที่รับร้องเรียนเรื่องนี้ครับ บางองค์กรมีช่องทางให้พนักงานสามารถร้องเรียนเรื่องความไม่เป็นธรรม ความไม่โปร่งใส หรือพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ได้ โดยมีทีมงานลับที่ดูแลโดยตรงในช่องทางพิเศษ จงไปตามช่องทางนี้ครับ

และต้องเริ่มเก็บรายละเอียด หลักฐานการกระทำที่คุณพบเจอให้ละเอียด มีวันที่ เวลา รายละเอียดพฤติกรรม คลิปหลักฐาน พยานต่างๆ และอื่นๆ ให้พร้อม เพราะต่อจากนี้คือการที่องค์กรจะเข้ามาสอบสวนอย่างจริงจัง และอาจมีผลต่อโทษทางวินัย และมีผลต่อหน้าที่การงาน

-สุดท้าย ถ้าเรื่องยังไม่ไปไหน และมันยังมีผลของการกระทำที่คุณยังต้องเจอ เช่น พฤติกรรม Bully นั้นยังมีอยู่ หรือแรงยิ่งขึ้น หรือแทนที่เรื่องจะคลี่คลาย คุณกันโดนรุมกินโต๊ะจากส่วนอื่นๆ จนกลายว่าเราเองผิดปกติ และการ Bully เป็นเรื่องปกติ

ผมแนะนำว่า ไปต่อในระดับกฎหมายครับ เช่น กรมแรงงาน หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะจริงๆ แล้วมีกฎหมายที่รองรับและดูแลเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว

จากขั้นตอนทั้งหมดนี้ ต้องลองสังเกตและพิจารณาสถานการณ์อยู่เสมอครับ ตั้งแต่ว่าเราเองไม่ได้คิดไปเอง เราไม่ได้เอาไปขยายวงต่ออย่างคนไม่มืออาชีพ เราไม่ได้เอาไปปรึกษาสะเปะสะปะไปหมดจนคนรู้กันทั้งองค์กร ไม่ได้เอาไปนินทาเพื่อเอาคืนและต่อยอดจนเรื่องมันเสียเรื่องพาให้เรื่องราวมันแย่ลงไปอีก

ถ้าลองทำทุกอย่างแล้วพบว่าองค์กรนี้ไม่ได้ยืนหยัดเพื่อต่อสู้เรื่องการดูแลพนักงาน และเรากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่แย่ลงเรื่อยๆ อย่าลืมว่าเราเองไม่ได้มีทางเลือกเดียวในชีวิตครับ เตรียมหาแผนทางเลือกอื่นไว้รองรับ เช่น การหางานใหม่ย้ายองค์กร การขอย้ายแผนก

มันไม่ใช่ว่าเรายอมแพ้ครับถ้าเราต่อสู้มาแล้วในทุกกระบวนท่าอย่างมนุษย์คนนึง แต่บางสมรภูมิที่เราเสียเปรียบ เห็นๆ อยู่แล้วว่ามันไม่ยุติธรรม ไม่โปร่งใส และไม่มีจริยธรรม เราก็ไม่ต้องเข้าไปเสียเวลาเล่นก็ได้ครับ

เอาพลังงานชีวิตไปทำอย่างอื่นน่าจะดีกว่า

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า