เปิดอินไซต์ 5 ร้านที่ ‘ยอดขาย’ ปังที่สุด บนแอปฯ Hungry Hub

แอปพลิเคชั่นที่คนไทยสามารถเข้าไปจองร้านอาหารได้ในยุคหนึ่ง หลายคนน่าจะรู้จักหรือเคยได้ยิน ‘Hungry Hub’ แพลตฟอร์มของสตาร์ทอัพสัญชาติไทย ที่จุดเริ่มต้นพัฒนาเป็นแพลตฟอร์มการจองโต๊ะร้านอาหาร ที่มีชื่อเสียงแอปฯ หนึ่งก็ว่าได้

แต่ปัจจุบันกำลังจะกลายเป็น Online Travel Agent (OTA) สำหรับร้านอาหารไปแล้ว ซึ่งเป้าหมายนี้ชัดเจนขึ้นมากนับตั้งแต่ที่ขยายตัวไปที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อ 5 เดือน โดยเป็นการออกนอกประเทศเป็นครั้งแรก

[ 11 ปี สู่หนทางสำเร็จที่ไม่มีใครโค่นได้ ]

ถามว่าแอปฯ จองร้านอาหารจะมีไว้ทำไม? ให้ลองคิดตามว่า การทานอาหารแต่ละมื้อจะแฮปปี้ขึ้นมั้ย หากเราสามารถคุมค่าใช้จ่ายได้ นั่นแหละคือจุดประสงค์ของการเริ่มต้นของ Hungry Hub

ปี 2014 แอปฯ Hungry Hub ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรก ซึ่งก็เป็นไปตามสูตรธุรกิจหลายๆ รายที่มีล้มบ้าง เจ็บตัวบ้าง และได้บทเรียนมากมายระหว่างทาง

‘สุรสิทธิ์ สัจจะเดว์’ ผู้ก่อตั้ง Hungry Hub ก็เป็นหนึ่งในคนกลุ่มนั้นเช่นกัน กว่าจะพบว่าโมเดลธุรกิจในช่วงที่เริ่มต้นไม่เวิร์ค ธุรกิจ Hungry Hub ก็เกือบแย่เหมือนกัน

“ช่วงแรกๆ เราไม่ได้ศึกษาตลาดร้านอาหารในไทยเท่าที่ควร เลยทำให้ Hungry Hub ในตอนนั้นเกือบไม่ไหว ขณะเดียวกันคนไทยก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเราต้องมาจองโต๊ะร้านอาหารผ่านแอปฯ ออนไลน์ ทั้งที่การยกหูจองโดยตรงมันง่ายกว่า”

สุรสิทธิ์ แชร์ประสบการณ์การทำธูรกิจในช่วงแรกๆ เป็นหนึ่งในบทสัมภาษณ์ที่เขาได้เปิดเผยกับ TODAY Bizview เขาพยายามสร้างความเข้าใจ ศึกษาตลาด และปรับโมเดลธุรกิจอย่างหนักตลอด 11 ปีที่เปิดตัว

จากวันที่เริ่มต้นเป็นแค่ ‘แอปฯ จองร้านอาหาร’ ในวันนี้ Hungry Hub วางตัวเองให้เป็น OTA สำหรับร้านอาหาร ซึ่งเป็นเป้าหมายใหญ่ของธุรกิจ ไม่ใช่แค่ในไทย แต่อยากให้เป็นแอปฯ ระดับโลก ที่ใครจากประเทศไหนก็สามารถใช้ได้

ข้อมูลน่าสนใจเกี่ยวกับ Hungry Hub ในปัจจุบัน ดังนี้

• มี active users ต่อวันประมาณ 60,000 คน และคาดว่าปลายปี 2025 จะแตะ 1 ล้านคน

• เวลานี้เริ่มมีต่างชาติรู้จัก และใช้ Hungry Hub ก่อนจะเดินทางมาที่ไทย

• Hungry Hub เป็นเบอร์หนึ่งในตลาดที่ทำธุรกิจรูปแบบนี้

• ร้านค้าพาร์ทเนอร์ในปัจจุบันมากกว่า 1,700 ร้านค้า

• ที่ผ่านมา Hungry Hub ให้บริการไปแล้วกว่า 3 ล้านที่นั่ง

• Hungry Hub เมื่อปี 2024 ธุรกิจเติบโตที่ 30-40%

• เปิดตัวในสิงคโปร์แล้ว 5 เดือน มีร้านค้าพาร์ทเนอร์ประมาณ 150 ร้าน

• ในทุกๆ เดือนจะมีร้านค้าพาร์ทเนอร์เข้ามาร่วมแพลตฟอร์ม 40-50 ร้าน

• กว่า 90% Hungry Hub เป็นคนเสนอเซ็ตเมนูอาหาร ร่วมกับร้านค้า

[ Top 5 ร้านอาหารที่ยอดขายสูงสุดบน Hungry Hub ]

สุรสิทธิ์ แชร์อินไซต์จาก Hungry Hub เกี่ยวกับ 5 ร้านอาหารที่มียอดขายสูงสุด เฉพาะช่วงไตรมาส 1/2025 ได้แก่

1. Copper Beyond Buffet (70 ล้านบาท) 

2. Banyan Tree Hotel (9 ล้านบาท)

3. NAMA Japanese and Seafood Buffet (7 ล้านบาท)

4. Great Harbour International Buffet (6 ล้านบาท)

5. Vantage Point (6 ล้านบาท)

ปัจจุบัน Hungry Hub ให้บริการใน 6 โลเคชั่น ก็คือ กรุงเทพฯ, พัทยา, หัวหิน, หาดใหญ่, ภูเก็ต และเชียงใหม่ ส่วน ‘สิงคโปร์’ เป็นประเทศแรกที่ออกนอกเมืองไทย

สำหรับ Hungry Hub เขามองว่า “การมีฝันที่ใหญ่ไว้ก่อน คิดให้ไกลเข้าไว้ มันคือสิ่งที่แทบไม่มีต้นทุน ไม่เสียอะไร แต่ถ้าเราคิดใกล้จะมีแต่เสียมากกว่า” และเท่าที่สัมภาษณ์มา ‘สุรสิทธิ์ สัจจะเดว์’ ก็เป็นสตาร์ทอัพที่รักในการเสี่ยงซะด้วย ดังนั้น เป้าหมายการเป็น OTA ระดับโลก ก็ไม่น่าจะไกลเกินเอื้อม

ติดตามบทสัมภาษณ์เต็มเร็วๆ นี้ ได้ที่นี่