SHARE

คัดลอกแล้ว

“สันติสุขในใจใคร เริ่มต้นได้ที่ใจเรา แต่อย่าจบที่ใจเรา เอาใจของเรามารวมกัน เอาหัวสมองของเรามารวมกัน และเอามือของเรามารวมกัน Head – Heart – Hands ต้องไปด้วยกัน เพื่อความสุขของเรา”

วลีสะกิดใจนี้คือหนึ่งในถ้อยคำของ พระมหานภันต์ สนฺติภทฺโท ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร, ประธานกรรมการมูลนิธิสถาบันการจัดการวิถีพุทธเพื่อสุขและสันติ (สกพ.) และเลขาธิการ Religions for Peace Interreligious Council of Thailand

คำพูดนี้อาจเรียบง่าย แต่สะท้อนแนวคิดลึกซึ้งว่าการสร้างสังคมให้น่าอยู่ ไม่อาจเกิดจากใครคนใดคนหนึ่ง แต่ต้องอาศัยพลังร่วมกันทั้ง ‘ความคิด หัวใจ และการลงมือทำ’

ในยุคที่ความหลากหลายทางศาสนา ชาติพันธุ์ และความเชื่อกลายเป็นทั้งโอกาสและความท้าทาย บทบาทของศาสนาจะเป็นเครื่องมือแห่งการเยียวยา หรือชนวนความขัดแย้ง  คำถามนี้จึงสำคัญมากขึ้นทุกวัน

TODAY ชวนเจาะลึกมุมมองของพระมหานภันต์ สนฺติภทฺโท จากประชุมนานาชาติว่าด้วยความสามัคคีในสังคม ประจำปี 2568 (International Conference on Cohesive Societies: ICCS 2025) ที่จัดขึ้น ณ ประเทศสิงคโปร์ เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

และนี่คือคำตอบจากพระในยุคใหม่… ที่เชื่อว่า “ศาสนา” ไม่ควรอยู่แค่ในวัด แต่ต้องเดินเคียงข้างโลก

 

อยู่ร่วมกันได้ แม้คิดไม่เหมือนกัน

บนเวที ICCS 2568 ปีนี้ พระมหานภันต์เป็นหนึ่งในผู้นำทางความคิดที่ได้รับเชิญมาเป็นวิทยากร ท่านปรากฏตัวพร้อมตุ๊กตาหมีตัวเล็กน่ารัก กับประโยคสั้นๆ “Bear with me” หรือ “อดทนกับฉันหน่อย” ซึ่งไม่เพียงแต่จะเรียกรอยยิ้มจากผู้ฟัง แต่ยังแฝงนัยยะลึกซึ้งอย่างที่หลายคนคาดไม่ถึง

ท่านอธิบายว่า ‘ความอดทน’ คือหัวใจสำคัญของการอยู่ร่วมในโลกที่หลากหลายทางเชื้อชาติและความเชื่อ

“แม้แต่พระพุทธเจ้าเอง ก็ทรงทราบดีว่าศาสนาพุทธเกิดขึ้นในยุคที่มีศาสนาอื่นอยู่ก่อนแล้ว ท่านจึงไม่เคยสอนให้แบ่งแยก แต่ให้มีความอดทนอดกลั้น และ ‘อหิงสา’ เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข”

ท่านเตือนว่า ศาสนาอาจเป็นทั้งเครื่องมือแห่งความเยียวยา หรือชนวนแห่งความเกลียดชัง ขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้ใช้ หากผูกโยงเข้ากับอัตลักษณ์ เชื้อชาติ หรือการเมืองโดยขาดวิจารณญาณ อาจนำไปสู่ความแตกแยกมากกว่าความเข้าใจ

ดังนั้น พระมหานภันต์เสนอว่า หากศาสนาจะมีบทบาทในสังคมที่หลากหลาย สิ่งแรกที่ต้องมีก็คือ “สัมมาทิฏฐิ” หรือ “ความเห็นชอบ” ที่ไม่ใช่การเห็นพ้องกันเสมอไป แต่คือการยอมรับว่า “ความคิดไม่เหมือนกัน เป็นเรื่องธรรมดา และเราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนใครให้เหมือนเรา”

 

‘อหิงสา’ พลังนิ่งที่ไม่ใช่ความอ่อนแอ

ในโลกที่เต็มไปด้วยเสียงโต้แย้ง ดราม่า และการตอบโต้ พระมหานภันต์ย้ำว่า ‘อหิงสา’’ คือหลักธรรมที่ควรถูกหยิบมาใช้มากที่สุดในยุคนี้

พระมหานภันต์อธิบายว่า แม้จะมีความไม่สงบจากความขัดแย้งทางความเชื่อ แต่สิ่งสำคัญที่ต้องยึดถือคือ “เวรต้องระงับด้วยการไม่จองเวร” ซึ่งไม่ใช่เพราะเราอ่อนแอ แต่เป็นเพราะเราเข้มแข็งพอที่จะไม่ตอบโต้ด้วยความเกลียดชัง

ท่านยังเสนอเพิ่มเติมว่า สภาพสังคมก็เหมือน เสียงสะท้อน (Echo) ทางความคิด การพูด และการกระทำของคนในสังคม เพราะฉะนั้น เราจะต้องพร้อมทำลายห้องแบ่งแยกทางความคิด (Echo) เพื่อเปิดรับความต่างทั้งทางเชื้อชาติและศาสนา

“ภายใต้จีวร ภายใต้ทรงผม หรืออาตมาที่ไม่มีทรงผม เรามีความเป็นมนุษย์เหมือนกัน  และศาสนาควรจะทำให้เราเห็นความเป็นมนุษย์ของกันและกันมากขึ้น” พระมหานภันต์กล่าว

นอกจากนี้ ท่านยังย้ำเตือนว่า ศาสนาคือสิ่งที่ทำให้เราอยู่รวมกันอย่างมีความสุข ควรนำคำสอนของผู้นำศาสนาที่เคารพมาปรับใช้ เพื่อให้เกิดความสงบสุขในสังคม

อีกสิ่งที่สำคัญคือ ‘การศึกษา’ โดยในที่นี้ ไม่ใช่แค่การศึกษาจากตำรา แต่ยังหมายถึงนอกตำรา พระมหานภันต์ยกตัวอย่างของเวที ICCS ที่เป็นพื้นที่นอกตำรา เปิดโอกาสให้นักวิชาการ นักนโยบาย และผู้นำศาสนาได้เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และถอดบทเรียน เพื่อนำไปสู่สังคมที่กลมเกลียว

ท่านยังทิ้งท้ายด้วยคำเตือนสำคัญว่า ศาสนาไม่ควรถูกใช้เป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรมในการทำร้ายใคร ไม่ว่าจะด้วยคำพูด ความคิด หรือการกระทำ

“เราอย่าเอาศาสนาซึ่งควรเป็นสาเหตุของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ มาเป็นเหตุแห่งการรบราฆ่าฟันกัน มันมีตัวอย่างอยู่แล้วทั้งในอดีตและปัจจุบัน แต่สิ่งสำคัญคือ เราต้องเรียนรู้จากสิ่งเหล่านั้น”

 

เมื่อสังคมเปลี่ยน ‘ศาสนา’ ก็ต้องเปลี่ยน

ในยุคปัจจุบันที่ทุกอย่างพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ศาสนาจำเป็นต้องปรับบทบาทใหม่ เพื่อตอบโจทย์และนำทางสังคมให้เท่าทันยุคสมัย

เพื่อให้เป็นเช่นนั้น พระมหานภันต์กล่าวว่า ท่านสนับสนุนให้เกิดบทบาทใหม่อย่าง ‘อินฟลูเอนสงฆ์’ ในฐานะพระสงฆ์ของพระพุทธเจ้า เพื่อส่งต่อคำสอนให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และสืบต่อ

โดยท่านยกตัวอย่างที่น่าสนใจ เช่น การใช้สื่อออนไลน์เผยแพร่คำสอนให้ถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ และก่อให้เกิดการรวมตัวกันเพื่อสังคม อย่าง ‘ด้อม Skyline’ หรือกลุ่มจิตอาสามูลนิธิ สกพ.

ขณะเดียวกัน ศาสนาจะต้องเข้าถึงคนรุ่นใหม่ผ่านกระแสสังคมต่างๆ อย่างเทรนด์รักษ์โลก ด้วยการนำศาสนาโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) อันก่อให้เกิด ‘Buddhism for SDGs’ ด้วยหลัก 5 มิติหลัก + 1 มิติเสริม ได้แก่

  • มิติสังคม (People)
  • มิติเศรษฐกิจ (Prosperity)
  • มิติสิ่งแวดล้อม (Planet)
  • มิติสันติภาพและสถาบัน (Peace)
  • มิติหุ้นส่วนการพัฒนา (Partnership)
  • มิติพระสงฆ์ (Phra)

ซึ่งมูลนิธิ สกพ. ภายใต้การนำของพระมหานภันต์ ได้นำคำสอนด้านสิ่งแวดล้อมของพระพุทธเจ้ามาปรับใช้เพื่อดึงดูดคนรุ่นใหม่ เช่น โครงการผลิตย่ามจากเศษวัสดุ และโครงการแบ่งอาหารลดคาร์บอนฟุตพรินต์ที่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร

พระมหานภันต์ปิดท้ายว่า ศาสนาในเชิงสถานที่อาจไม่ดึงดูดคนเท่าไหร่นัก แต่ถ้าศาสนาหมายถึงคำสอน ที่หากกลุ่มคนรุ่นใหม่นำไปคิดและปฏิบัติใช้แล้วชีวิตดีขึ้น นั่นจึงเป็นเครื่องยืนยันว่าศาสนายังคงอยู่และเข้าถึงคนได้

“สังคมกลมเกลียวได้ โดยไม่ต้องกลมกลืน” คือคำตอบใหม่จากพระสงฆ์ที่เดินเคียงข้างโลก เพื่อพา ‘ธรรมะ’ ออกไปพบ ‘ความจริง’

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า