รมช. พาณิชย์ เผย วัดเจดีย์ แจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ผลงานเกี่ยวกับ ‘ไอ้ไข่’ ไว้กับกรมทรัพย์สินทางปัญญา 11 ผลงาน ทั้งผ้ายันต์ เหรียญ และหนังสือประวัติผลงานลิขสิทธิ์ให้ความคุ้มครองทันทีที่สร้างสรรค์ หากมีผู้ใดทำซ้ำ ดัดแปลงงานดังกล่าว อาจเข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์

วันที่ 17 ก.ย. 2563 นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช. พาณิชย์ เปิดเผยว่า จากกรณี ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ จ.นครศรีธรรมราช ที่มีผู้นิยมสักการะเพื่อขอโชคลาภที่โด่งดังอยู่ในขณะนี้ จนเกิดมีข้อถกเถียงเรื่องสิทธิ์ในผลงานลิขสิทธิ์ ‘ไอ้ไข่’ เนื่องจากปัจจุบันมีบุคคลอ้างชื่อไอ้ไข่ไปเปิดเป็นวัดไอ้ไข่สาขาต่างๆ และจัดทำวัตถุให้เช่าบูชา
เบื้องต้นได้รับแจ้งจากกรมทรัพย์สินทางปัญญาว่า วัดเจดีย์แจ้งผลงานลิขสิทธิ์ ‘ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์’ กับกรมทรัพย์สินทางปัญญาทั้งสิ้น 11 ผลงาน โดยแจ้งเมื่อปี 2551 จำนวน 10 ผลงาน และแจ้งเพิ่มอีก 1 ผลงาน เมื่อปี 2563 ซึ่งตนพร้อมยินดีให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ผ่านกระบวนการไกล่เกลี่ยและระงับข้อพิพาทด้านทรัพย์สินทางปัญญา ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ และเห็นควรใช้วิกฤติเป็นโอกาสสร้างความเข้าใจและตระหนักรู้เรื่องทรัพย์สินทางปัญญาให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง
ด้านนายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า จากฐานข้อมูลลิขสิทธิ์ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา ระบุว่า วัดเจดีย์แจ้งผลงานเกี่ยวกับไอ้ไข่แล้วทั้งสิ้น 11 ผลงาน โดยแจ้งเมื่อปี 2551 จำนวน 10 ผลงาน ได้แก่ ผ้ายันต์ 4 ผลงาน แจ้งเป็นศิลปกรรมประเภทงานจิตรกรรม, รูปหล่อ 3 ผลงาน และเหรียญ 3 ผลงาน แจ้งเป็นศิลปกรรมประเภทงานประติมากรรม และล่าสุดแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ในปี 2563 เพิ่มอีก 1 ผลงาน ในประเภทงานวรรณกรรม หนังสือ ‘ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์’
นายทศพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามหลักกฎหมายลิขสิทธิ์จะให้สิทธิแต่เพียงผู้เดียวแก่เจ้าของลิขสิทธิ์ในการทำซ้ำ ดัดแปลง เผยแพร่ต่อสาธารณชน ให้เช่า โอน หรืออนุญาตให้ผู้อื่นใช้งานอันมีลิขสิทธิ์ การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่งานอันมีลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์จึงเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ นอกจากนี้ ผลงานลิขสิทธิ์จะได้รับความคุ้มครองทันทีเมื่อสร้างสรรค์ผลงานแล้วเสร็จโดยไม่ต้องจดทะเบียนหรือแจ้งข้อมูล
ส่วนการรับแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ของกรมทรัพย์สินทางปัญญาก็มิได้เป็นการรับรองว่าผู้แจ้งข้อมูลเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ แต่เป็นเพียงการรวบรวมข้อมูลลิขสิทธิ์ไว้เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการตรวจสอบและใช้ประโยชน์เมื่อต้องการขออนุญาตใช้งานอันมีลิขสิทธิ์เท่านั้น โดยผู้แจ้งต้องรับรองตนเองว่าเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในผลงานที่รับแจ้งนั้นด้วย
สำหรับกรณี ‘ไอ้ไข่’ ที่แจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์โดยวัดเจดีย์ในฐานะเป็นนิติบุคคล หากเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ตามที่รับแจ้งก็จะได้รับการคุ้มครองงานลิขสิทธิ์เป็นเวลา 50 ปี นับแต่สร้างสรรค์ผลงาน
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวจะเข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่อาจจะต้องพิจารณารายละเอียด เนื่องจากแต่ละกรณีจะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่จะต้องนำมาพิจารณาแตกต่างกันไป และหากมีการฟ้องร้องจะต้องนำสืบข้อเท็จจริงจากทั้งสองฝ่าย โดยศาลจะเป็นผู้พิจารณาชี้ขาดต่อไป

พระครูพุทธเจติยาภิมณฑ์ หรือ อาจารย์แว่น เจ้าอาวาสวัดเจดีย์ไอ้ไข่
ด้านพระครูพุทธเจติยาภิมณฑ์ หรือ อาจารย์แว่น เจ้าอาวาสวัดเจดีย์ไอ้ไข่ กล่าวเมื่อวันที่ 16 ก.ย.ว่า ทางวัดได้มีการจดลิขสิทธิ์ทุกอย่าง ตั้งแต่รูปปั้นไอ้ไข , หนังสือประวัติความเป็นมาจดหมด วัตถุมงคลก็จด ซึ่งงานที่วัดสร้างสรรค์ขึ้นมาถือเป็นลิขสิทธิ์ของวัดอยู่แล้ว ซึ่งจริงๆ อาตมาไม่อยากจะเอาเรื่องกฏหมายมาดำเนินการแต่อยากจะให้ทุกคนโดยเฉพาะคนนครศรีธรรมราช ช่วยกันรักษาปกป้องไอ้ไข่ไว้ให้ยืนยงคู่กับจังหวัด เพราะไม่ได้เลวร้าย แต่มันช่วยสังคมได้พอสมควร อยากให้ช่วยกันดูแลและรักษาดีกว่า อยากให้ดูยุคจตุคามรามเทพเป็นตัวอย่างหากต่างคนต่างสร้างใครก็สร้างได้ท้ายที่สุดก็จบเร็วล่มสลายเร็ว อาตมาไม่อยากให้ไอ้ไข่เป็นอย่างนั้นอยากให้ช่วยกันรักษามากกว่าเป็นวัฒนธรรมความเชื่อของท้องถิ่น เป็นสิ่งที่ทรงคุณคุณค่าประจำถิ่นเท่านั้น