รวบหมอเถื่อน สวมรอยเอกสารแพทย์จริงเข้าทำงานในคลินิกพบมีคดีติดตัว 13 คดี

ตำรวจ ปคบ. บุกรวบสาวอายุ 30 ปี สวมรอยเป็นหมอเข้าไปทำงานในคลินิก พบมีคดีติดตัว 13 คดี และเพิ่งพ้นโทษ แต่ไม่เข็ด ทำผิดซ้ำเดิมอีก

วันที่ 26 พ.ค. 2565 พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ., นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ แถลงผลการจับกุมหมอเถื่อนใช้เอกสารแพทย์สวมรอยสมัครเข้าทำงานในคลินิก โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุมหญิงอายุ 30 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรีที่ 247/2565 ลงวันที่ 20 พ.ค. 2565 ความผิดข้อหา ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต, ใช้คำหรือข้อความที่แสดงให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมสาขาต่างๆ , ฉ้อโกง โดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น

คดีนี้สืบเนื่องจาก ก่อนหน้านี้ผู้ต้องหามีพฤติกรรมหลอกลวง โดยเปิดคลินิกย่านบางนา และประกาศรับสมัครแพทย์เพื่อมาทำงานที่คลินิก โดยแพทย์หญิงเอ (นามสมมุติ) ได้ยื่นเอกสารสำคัญทางออนไลน์เพื่อสมัครงาน ภายหลังผู้ต้องหานำเอกสารใบประกอบวิชาชีพแพทย์ของแพทย์หญิงเอ มาสวมรอยเป็นแพทย์เข้าไปทำงานในคลินิกจำนวนหลายแห่ง เมื่อแพทย์หญิงเอทราบเรื่องจากคลินิกต่างๆ จึงเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหา

จากการตรวจสอบประวัติคดีของหญิงวัย 30 ปีคนนี้ พบว่า ถูกดำเนินคดีมาแล้ว 13 คดี ตั้งแต่ปี 2556 – ปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นคดีหลอกลวงเอาเอกสารของผู้อื่นไปสวมรอยทำธุรกรรม หรือนำเอกสารของแพทย์ที่หลอกลวงมาไปสวมรอยเป็นแพทย์เข้าทำงานในคลินิกต่างๆ

และเคยต้องโทษจำคุกตามคำพิพากษาศาล ตั้งแต่ ธ.ค. 2559 ถึง ส.ค. 2564 เมื่อผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัว ได้ก่อเหตุในลักษณะเดิมอีก ประมาณ เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาได้ไปสวมรอยเป็นแพทย์ท่านหนึ่งไปทำงานที่คลินิกแห่งหนึ่งย่านบางบัวทอง โดยภายหลังทราบว่าเป็นหมอปลอม จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน โดยพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานขอออกหมายจับผู้ต้องหา ตามหมายจับดังกล่าวข้างต้น

กระทั่งเมื่อวันที่ 24 พ.ค. ที่ผ่านมา ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ.ได้ออกสืบสวนทราบว่า หลบหนีไปพักอาศัยย่านจรัญสนิทวงศ์ จึงได้นำกำลังไปตรวจสอบบริเวณพื้นที่ดังกล่าว และเข้าจับกุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ได้กระทำความผิดจริง โดยได้กระทำความผิดในลักษณะเดิม โดยเปิดคลินิกและประกาศหาแพทย์ทำงานในคลินิกเสริมความงามทางออนไลน์ เพื่อหลอกลวงเอาเอกสารของแพทย์ที่มาสมัครงาน จากนั้นจะนำเอกสารไปสวมรอยเป็นแพทย์ เมื่อทำงานไปสักพักจะย้ายคลินิกทำงานไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ถูกจับพิรุธได้ โดยผู้ก่อเหตุ อ้างว่าต้องใช้เงินเพื่อจะไปประกอบธุรกิจคลินิกเสริมความงาม จึงต้องมากระทำความผิดในลักษณะนี้อีก

สำหรับบทลงโทษตามกฎหมาย ในกรณีที่พบหมอเถื่อนให้บริการในคลินิกนั้น นอกจากบทลงโทษตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 กับหมอเถื่อนแล้ว ตัวผู้ดำเนินการสถานพยาบาลก็จะถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ตามมาตรา 34 (1) ฐานปล่อยปละละเลยให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ผู้ประกอบวิชาชีพทำการประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล มีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจจะมีคำสั่งตามมาตรา 50 ให้ปิดสถานพยาบาลเป็นการชั่วคราว 30 วัน อีกด้วย จึงขอเน้นย้ำกับผู้รับอนุญาตและผู้ดำเนินการสถานพยาบาล ให้เข้มงวดในการตรวจสอบประวัติ และเอกสารหลักฐานในการรับสมัครผู้ให้บริการ ซึ่งอาจจะต้องมีการตรวจสอบจากเอกสารฉบับจริงและหมายเลขโทรศัพท์เพื่อยืนยันว่าผู้สมัครมิได้มีการแอบอ้างนำหลักฐานของบุคคลอื่นมาสมัครงาน

ที่มา : https://www.facebook.com/CIBTHAILAND