IMF ลดคาดการณ์ ‘จีดีพีโลก’ หลังเศรษฐกิจเผชิญแรงกดดันและความผันผวนสูง

IMF ลดคาดการณ์จีดีพีโลกปีนี้ลง หลังประเมินแล้วว่า เศรษฐกิจโลกจะเผชิญแรงกดดันและความผันผวนสูง แต่ถึงอย่างนั้น เศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาก็ยังน่าสนใจ เพราะมีการเติบโตที่เร็วกว่าเศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้ว

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund: IMF) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลก (จีดีพีโลก) ปี 2566 ลงเหลือเพียง 2.8% จากปีก่อนหน้าที่ 3.4%

คาดการณ์ใหม่ของ IMF ถือเป็นตัวเลขการเติบโตที่ต่ำที่สุดในรอบ 30 ปี โดยก่อนหน้านี้ในเดือน ม.ค. 2566 IMF เคยคาดการณ์เอาไว้ว่า เศรษฐกิจโลกปีนี้จะเติบโตได้ราว 2.9%

เช่นเดียวกับคาดการณ์จีดีพีโลกปีหน้า (2567) IMF ปรับลดคาดการณ์ลงมาอยู่ที่ 3.0% จากเดือน ม.ค. 2566 เคยคาดการณ์เอาไว้ว่า จีดีพีโลกปีหน้าจะได้เติบโตได้ 3.1%

อย่างไรก็ตาม หากแยกตัวเลขคาดการณ์จีดีพีของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาออกมา พบว่า อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศดังกล่าว มีแนวโน้มน่าสนใจกว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว

โดย IMF คาดการณ์ว่า ในปี 2566 และ 2567 จีดีพีของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา จะเติบโตที่ 3.9% (คาดการณ์เดิม 4.0%) และ 4.2% ตามลำดับ ขณะที่กลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว คาดว่าจะเติบโต 1.3% (คาดการณ์เดิม 1.2%) และ 1.4% ตามลำดับ

ส่วนประเทศเศรษฐกิจใหญ่อย่างสหรัฐ คาดว่าปีนี้จะเติบโต 1.6% (คาดการณ์เดิม 1.4%) ขณะที่กลุ่มประเทศยุโรป คาดว่าเยอรมันและสหราชอาณาจักร จะเผชิญกับเศรษฐกิจหดตัว -0.1% และ -0.3% ตามลำดับ

ในรายงานฉบับล่าสุดของ IMF ให้เหตุผลถึงการปรับลดคาดการณ์จีดีพีโลกรอบนี้ว่า บริษัทหลายแห่งของประเทศเศรษฐกิจใหญ่มีผลประกอบการที่อ่อนแอลง เพราะเจอแรงกดดันจากการใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดของธนาคารกลาง เพื่อจัดการภาวะเงินเฟ้อ

แต่ทั้งนี้ IMF ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะปรับลดลงจากระดับ 8.7% ไปอยู่ที่ 7.0% ภายในปี 2566 ตามการปรับลงของราคาพลังงาน เช่นเดียวกันกับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน) ที่คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 5.1%

ขณะที่บทวิเคราะห์ในประเทศ บริษัทหลักทรัพย์เอเชีย พลัส จำกัด มองว่า ด้วยตัวเลขการเติบโตของจีดีพีกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นจีน (5.2%) อินเดีย (5.9%) ญี่ปุ่น (1.3%) และไทย (3.4%)

ทำให้ประเทศในโซนเอเชีย รวมถึงประเทศไทย เป็นเป้าหมายหลักของเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) ในปีนี้ และคาดว่าเงินทุนดังกล่าว จะเป็นตัวช่วยพยุงดัชนีหุ้น SET (SET Index) ของไทย ไม่ให้ผันผวนมากนัก

ที่มา:

• www.imf.org/en/Publications/WEO/Issues/2023/04/11/world-economic-outlook-april-2023
• www.asiaplus.co.th/asps/research_file.php?id=69110&file=1