อินเดียฉีดวัคซีนโควิด-19 ต้นปีหน้า ใครจะได้ก่อน

อินเดียเป็นประเทศที่ถูกจับตาถึงแนวทางการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชน เนื่องจากกำลังมีการระบาดรุนแรง แถมเป็นประเทศใหญ่ และหลายพื้นที่ทุรกันดาร เป็นอุปสรรคในการกระจายวัคซีนโควิด-19 ที่มีข้อจำกัดต้องเก็บด้วยความเย็น

ในวันนี้เริ่มมีแผนการแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 ออกมาจากรัฐบาลอินเดียเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ซึ่ง workpointTODAY ขอหยิบมาอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ดังนี้

🇮🇳 อินเดียเป็นประเทศที่มีประชากรมากถึงเกือบ 1,400 ล้านคน และมีผู้ป่วยสะสมในประเทศใกล้แตะ 10 ล้านคน มากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลก รองจากสหรัฐฯ และมีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 แล้วกว่า 144,000 คน

🇮🇳 จากการเปิดเผยล่าสุดของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอินเดียระบุว่า รัฐบาลอินเดียจะอนุมัติวัคซีนโควิด-19 ให้สามารถใช้งานได้ในกรณีฉุกเฉินภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และจะเริ่มฉีดให้กับประชาชนในเดือนมกราคม 2564

🇮🇳 แผนแจกจ่ายวัคซีนของรัฐบาลอินเดียชุดแรกจะครอบคลุมประชากรราว 300 ล้านคน และแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม เรียงตามลำดับดังนี้
1️⃣ บุคลากรการแพทย์ 10 ล้านคน
2️⃣ ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ด่านหน้า 20 ล้านคน
3️⃣ ชาวอินเดียอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือผู้มีโรคประจำตัว 270 ล้านคน

🇮🇳 การฉีดวัคซีนให้ประชากร 300 ล้านคนภายในช่วงครึ่งปี ต้องเตรียมพยาบาลมากถึง 154,000 คน กระจายไปทั่วประเทศ รวมไปถึงยังเตรียมให้นักศึกษาพยาบาลปีสุดท้ายเข้าไปช่วยเป็นอาสาสมัครฉีดวัคซีนร่วมกับพยาบาลด้วย

🇮🇳 วัคซีนโควิด-19 ส่วนใหญ่ที่อินเดียเลือกใช้ จะใช้ชนิดที่สามารถเก็บได้ในตู้เย็นปกติเพื่อความสะดวกในการขนส่ง โดยทางการได้เตรียมตู้เย็นเก็บวัคซีนราว 29,000 ตู้เอาไว้แล้ว ขณะที่วัคซีนที่พัฒนาโดยเทคโนโลยี mRNA เทคโนโลยีใหม่ที่ต้องเก็บในอุณหภูมิที่เย็นจัดถึง -80 องศาเซลเซียส จะกระจายไปเก็บในสถาบันวิจัยด้านการเกษตรและปศุสัตว์ทั่วประเทศ ที่พอมีความพร้อมด้านอุปกรณ์อยู่บ้างแทน

🇮🇳 แม้อินเดียจะเป็นประเทศที่มีโรงงานผลิตวัคซีนใหญ่ที่สุดในโลก และมีโครงการแจกจ่ายวัคซีนให้กับพลเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย โดยตามปกติอินเดียจะแจกจ่ายวัคซีนไม่ต่ำกว่า 300 ล้านโดสไปยังหญิงตั้งครรภ์และทารกทุกปี แต่การแจกวัคซีนก็ยังไม่ทั่วถึง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีทารกได้รับวัคซีนเพียงแค่ 56% ของเด็กทั้งหมด

🇮🇳 ขณะที่อีกปัญหาสำคัญคือการฉีดวัคซีนให้ผู้ใหญ่ ที่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าอาจถูกต่อต้าน เพราะน่าจะมีผู้สูงอายุจำนวนมากไม่อยากฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งอาจต้องใช้บุคลากรการแพทย์ที่มีความชำนาญในรูปแบบที่ต่างออกไป