กรมสรรพากรของอินโดนีเซียแจ้งบริษัทต่างชาติที่ให้บริการและขายผลิตภัณฑ์ดิจิทัล ต้องบวกภาษีมูลค่าเพิ่มเข้าไปด้วย ด้านเฟซบุ๊กออกมาขานรับมาตรการแล้ว
หนังสือพิมพ์จาการ์ตาโพสต์ (Jakarta Post) รายงานว่า กรมสรรพากรของอินโดนีเซียประกาศให้บริษัทเทคโนโลยีของต่างชาติ ที่มีรายได้ต่อปีสูงกว่า 600 ล้านรูเปียห์ (1.28 ล้านบาท) หรือมีผู้ใช้บริการมากกว่า 12,000 รายต่อปี จะต้องจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในอัตรา 10% และรายงานต่อกรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. เป็นต้นไป
ณ ตอนนี้มีรายชื่อบริษัทที่อยู่ในข่ายทั้งสิ้น 16 บริษัท หนึ่งในนั้นมีทั้งเฟซบุ๊ก กูเกิ้ล แอปเปิ้ล แอมะซอน เน็ตฟลิกซ์ ดิสนี่ย์ สปอติฟาย และติ๊กต็อก ร่วมอยู่ด้วย โดยทางการอินโดนีเซียจะทำการประกาศรายชื่อเพิ่มเติมอีกในอนาคต
ทางโฆษกของเฟซบุ๊กได้ออกมายืนยันแล้ว ว่าทางบริษัทจะให้ความร่วมมือกับมาตรการดังกล่าว
ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters) ระบุว่า บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีกำลังจะเจอกับมาตรการทางภาษีที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากอินโดนีเซียแล้ว ไทยและฟิลิปปินส์ก็กำลังรอผ่านร่างกฎหมายเพื่อเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากธุรกิจดิจิทัลเช่นกัน
ในประเทศไทย ร่างกฎหมายภาษี e-Service ที่จะทำการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ได้ผ่านการพิจารณาจากสภาผู้แทนราษฎรในวาระแรกแล้วเมื่อ 29 ก.ค. ที่ผ่านมา
ส่วนที่ฟิลิปปินส์ คณะกรรมาธิการมีมติเห็นชอบในร่างกฎหมายที่จะจัดเก็บ VAT 12% เมื่อวันที่ 29 ก.ค. เช่นเดียวกัน