Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

หากคุณเป็นแฟนจักรวาลซีรีส์ฟอร์มยักษ์ระดับโลกอย่าง House of the Dragon ช่วงนี้ก็ต้องตื่นตาตื่นใจกับซีรีส์ที่กำลังฉายซีซัน 2 อยู่ในขนาดนี้ หลายคนคงลุ้นและก็คอยติดตามเรื่องราวการชิงบัลลังก์เหล็กของสองฝั่งขั้วอำนาจอย่างบ้าน Targaryen และ Hightower หรือที่เราชอบเรียกติดปากกันว่า ทีมบ้านดำ และ ทีมบ้านเขียว นั่นเอง หลังจากจบซีซัน 1 ไป แฟน ๆ หลายคนคงได้เลือกทีมได้อยู่บ้านแล้ว  แต่อย่าเพิ่งมั่นใจกับทีมที่คุณเลือกไป

เพราะวันนี้ Series Society ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พูดคุยกับ Ewan Mitchell ผู้รับบท Aemond Targaryen ตัวละครจากทีมเขียว ที่เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเชื้อเพลิงชั้นดีในไฟสงครามชิงบัลลังก์ในครั้งนี้ก็ว่าได้  และใครที่อยู่ทีมบ้านไหน อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจไป หากอ่านบทสัมภาษณ์นี้จบคุณอาจจะอยากเปลี่ยนทีมก็ได้

คำถาม : อะไรคือสิ่งที่คุณชอบมากที่สุดเกี่ยวกับตัวละคร Aemond Targaryen และคุณกับตัวละครนี้มีอะไรคล้ายคลึงกันบ้างไหม

Ewan Mitchell : โอ้ พระเจ้า ผมหวังว่าผมกับตัวละคร Aemond Targaryen จะไม่มีอะไรเหมือนกันเลย ผมมองว่ามันจะย้อนกลับไปถึงเรื่องราวของการยืนหยัดต่อสู้กับความยากลำบาก ตอนที่ผมอ่านบทครั้งแรก ผมเห็นเด็กผู้ชายที่ถูกละเลยและถูกกลั่นแกล้ง เขาเป็นเด็กเพียงคนเดียวในครอบครัวที่ไม่ได้รับไข่มังกร เขาแตกต่างและเขาถูกกลั่นแกล้งเพราะความแตกต่างนั้น จากนั้นเขาได้เจอกับเวการ์ มังกรที่เก่าแก่ที่สุด โหดที่สุด ตัวใหญ่ที่สุดในโลก เธอมีขนาดใหญ่มากจนไม่สามารถถูกกักขังภายในกำแพงของปราสาทใด ๆ ได้ ซึ่งนั่นทำให้เวการ์และเอมอนด์มีความคล้ายคลึงกันบางอย่าง เอมอนด์ก็รู้สึกว่าเขาไม่เป็นส่วนหนึ่งของที่ไหนเลยเช่นกัน เขาจึงรู้สึกเข้าใจเธอและเธอก็รู้สึกเข้าใจเขา และสุดท้ายเขาก็ได้เป็นเจ้าของเธอ เรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นการยืนหยัดต่อสู้กับความยากลำบาก ซึ่งต้องใช้ความกล้าอย่างมากสำหรับเด็กคนนึงที่จะอ้างสิทธิ์ในตัวเวการ์ และผมคิดว่าสิ่งนี้สะท้อนถึงอะไรบางอย่างในตัวผม ในตัวเอมอนด์

คำถาม  : การแสดงในฉากที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์กราฟิก (CGIs) เป็นอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะในฉากที่คุณขี่มังกรเวการ์ มีช่วงเวลาที่คุณประทับใจในการถ่ายทำบ้างไหม

Ewan Mitchell : ผมมองว่าสิ่งที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับ HBO ก็คือทุกอย่างที่พวกเขาสร้างขึ้นมาในฉากเหมือนจริงมาก คอมพิวเตอร์กราฟิกช่วยให้ฉากสมบูรณ์ขึ้น ผมมองว่าฉากขี่มังกรที่เราถ่ายทำในแต่ละวันให้ความรู้สึกเหมือนการขี่มังกรในชีวิตจริงมาก เราต้องลอยตัวอยู่กลางอากาศ สูงจากพื้น 10 – 15 ฟุตบนอุปกรณ์จำลองการเคลื่อนไหว เราใช้เทคโนโลยีเดียวกันนี้ในเรื่องแมนดาลอเรียน เทคโนโยลี Volume (วอลลุ่ม) ใช้ซอฟต์แวร์ในการพัฒนาเกมส์เพื่อแสดงภาพเสมือนจริงแบบเรียลไทม์รอบ ๆ ตัวเรา ซึ่งในฐานะนักแสดง ผมดื่มด่ำกับประสบการณ์นี้มาก เพราะว่าเทคโนโลยีนี้ทำให้ผมสามารถตอบโต้ในฉากได้ ผมรู้สึกเหมือนผมเป็นผู้นำเทรนด์เพราะเทคโนโลยีนี้

คำถาม : เอมอนด์เป็นตัวละครที่มีความซับซ้อน บุคลิกด้านไหนของเอมอนด์ที่คุณมองว่าน่าสนใจที่สุดและท้าทายที่สุดในการแสดง

Ewan Mitchell : ผมมองว่าด้วยภาคแรกที่ยิ่งใหญ่มาก ในเรื่องเต็มไปด้วยตัวละครสีเทาที่มีศีลธรรมบกพร่อง ผมอยากนำเสนอตัวละครที่ ในช่วงอายุของเขาในสามตอนสุดท้าย ผมอยากนำเสนอตัวละครที่มีความดำมืดอย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งภาพลักษณ์ภายนอกของเขาก็ช่วยทำให้คนดูเชื่อแบบนั้น ตั้งแต่ชุดสีดำของทาร์แกเรียน ผ้าปิดตา และแผลเป็น ที่ทำให้เขาดูเป็นตัวร้ายอย่างเต็มตัว ซึ่งตรงข้ามกับความเชื่อของคนดู ในช่วงท้ายของภาคแรก ตอนที่คุณเห็นความเสียใจบนสีหน้าของเอมอนด์ คุณจะรู้ตัวแล้วว่าคุณพลาด ตอนที่ผู้ชมเห็นฉากนั้น ผู้ชมจะเริ่มตั้งคำถามกับสิ่งที่พวกเขาคิดมาตลอดเกี่ยวกับเอมอนด์ในสามตอนสุดท้าย และผมคิดว่าสิ่งที่น่าสนใจคือในภาคสองคุณจะได้เห็นเอมอนด์ในด้านอื่น ๆ มากขึ้น คุณจะได้เห็นด้านมืดของเขา ซึ่งสำหรับผมในฐานะนักแสดง นี่เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก

คำถาม : คงต้องบอกว่าผู้ชมไทยหลายคนอยู่ทีมดำ คุณจะโน้มน้าวพวกเขาอย่างไรให้ย้ายไปอยู่ทีมเขียวครับ

Ewan Mitchell : นั่นเป็นการดูหมิ่นกันนะครับ ผมจะโน้มน้าวพวกคุณให้ย้ายมาอยู่ทีมเขียวได้อย่างไรเหรอครับ พวกเรามีเวการ์นะครับ และเวการ์ก็ถูกตั้งชื่อตาม วารีเลีย เทพแห่งสงคราม และคุณคงไม่อยากเป็นศัตรูกับเทพแห่งสงครามหรอกนะครับ คุณจะภักดีกับเรนีร่าต่อไปก็ได้หรือคุณเลือกที่จะอยู่รอดปลอดภัยก็ได้

คำถาม : แค่เพื่อความสนุก ถ้าคุณเป็นแฟนของซีรีส์นี้ คุณจะเลือกอยู่ทีมดำหรือทีมเขียวครับ

Ewan Mitchell :  ทีมเขียวครับ พวกเราเจ๋งกว่าเยอะครับ

คำถาม : โดยที่ไม่สปอยล์ คุณคิดอย่างไรกับบทบาทสำคัญของตัวละครเอมอนด์ในช่วงท้ายของภาคแรก และแฟน ๆ รอติดตามอะไรได้บ้างในภาคต่อไป

Ewan Mitchell : ผมมองว่าในช่วงท้ายของภาคแรก เอมอนด์เผชิญกับทางเลือก เขาจะกลับไปที่คิงส์แลนดิ้งและยอมรับว่าสิ่งที่เขาทำเป็นความผิดพลาด เป็นความผิดของเขา และขอความเห็นใจจากเรนีร่าก็ได้ หรือเขาจะกลับไปที่คิงส์แลนดิ้ง และยอมรับว่าเขาเป็นคนฆ่าอย่างเปิดเผย ซึ่งจะทำให้เขากลายเป็นผู้ที่อาณาจักรต้องการตัวมากที่สุด  เอมอนด์จะเลือกทางไหน คุณต้องติดตามต่อไปครับ

คำถาม : ระหว่างนักแสดงด้วยกัน คุณคิดว่าคุณสนิทกับใครที่สุดหรือใครที่คุณสนุกกับการถ่ายทำด้วยมากที่สุด

Ewan Mitchell : โอ้ ผมชอบพวกเขาทุกคนเท่ากันเลยครับ ผมไม่สามารถเลือกคนที่ชอบที่สุดได้ และนี่ก็เป็นหนึ่งในข้อดีของการเข้าร่วมในช่วงท้ายของภาคแรก ผมรู้สึกเหมือนได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวที่มีอยู่แล้ว พวกเขาไม่ได้รู้สึกกระวนกระวายในการได้เจอกัน ผมก็เลยไม่ได้รู้สึกกระวนกระวายในการได้เจอกับพวกเขาเช่นกันครับ ผมแค่เข้าไปและพยายามปรับตัวให้ทันกับพวกเขา ซึ่งทุกคนก็ให้ความช่วยเหลือดีมาก พวกเขาทำให้ผมรู้สึกสบายใจ และพวกเขาเป็นหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดในการทำงานนี้เลยครับ

คำถาม : การทำงานร่วมกับผู้กำกับหรือผู้อำนวยการผลิตในภาคนี้เป็นอย่างไรบ้าง

Ewan Mitchell : โอ้ครับ สำหรับ ไรอัน คอนดัล เรียกได้ว่ารายละเอียดของเรื่องโลกแห่งมหาศึกชิงบัลลังก์แทบจะแปะอยู่ในหัวของเขาเลยครับ ไม่มีอะไรที่เขาไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องที่เขาเป็นผู้อำนวยการผลิต และผมมองว่ามันเป็นเหมือนผลกระทบจากบนลงล่าง ทุกคนรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ไรอันมีความกระตือรือร้นมาก คนอื่น ๆ เลยพยายามทำให้เต็มที่เช่นกัน และเพราะการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ การสื่อสารโดยตรงจากไรอันไปยังทีมคุมอุปกรณ์ ทีมแต่งหน้าทำผม ทีมช่างกล้อง ทำให้พวกเราทุกคนทราบว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณไรอันครับ

คำถาม : เราทราบว่าการสร้างตัวละครจะต้องใช้การทำงานร่วมกับผู้กำกับ คนเขียนบท และบางครั้งรวมถึงทุกคนในกองถ่ายด้วย มีส่วนไหนของเอมอนด์ที่คุณได้เพิ่มลูกเล่นหรือการตีความส่วนตัวเข้าไปที่คุณอยากให้ผู้ชมติดตามบ้างไหม 

Ewan Mitchell : ผมได้รับ อิทธิพล แรงบันดาลใจจากหลายอย่างครับ ผมชอบเคิร์ก ดักลาส ในเรื่องไวกิ้ง และปีเตอร์ โอทูล ในเรื่องลอเรนซ์แห่งอาราเบีย ตัวละครเหล่านี้มีอำนาจมากและเห็นโอกาสในการจารึกชื่อของพวกเขาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ผ่านการใช้ความรุนแรงและความโหดเหี้ยม และผมยังได้รับแรงบันดาลใจจากนักแสดงนำของหนังสยองขวัญในยุค 80 อย่าง เจสัน วอร์ฮีส์ หรือตัวละครไอ้หัวตะปูจากเรื่องเฮลเรสเซอร์ ตัวละครเหล่านี้ดูชั่วร้ายมากโดยที่ไม่ต้องพูดอะไรเลย และไม่ว่าพวกเขาจะเดินช้าแค่ไหน พวกเขาก็ยังตาม เจมี ลี เคอร์ติส ทันเสมอ ตัวละครเหล่านี้สร้างความกลัวที่ไม่สามารถหลีกหนีได้ ผมมองว่าผมนำลักษณะของตัวละครเหล่านี้มาใส่ไว้ในตัวละครเอมอนด์เช่นกัน เขาเป็นคนที่คุณหลีกหนีไม่ได้ กับเอมอนด์ แน่นอนว่าคุณไม่อยากเลือกข้างผิด ไม่อย่างนั้นคุณจะต้องเจอกับเรื่องร้าย ๆ แน่นอน

สุดท้ายแล้วเรื่องราวมหากาพย์ครั้งนี้จะจบลงเช่นไร สามารถติดตามชม House of the Dragon ได้ทาง HBO Go ที่เดียว

ขอบคุณภาพ : HBO GO

#EwanMitchell #AemondTargaryen  #HouseoftheDragon #HBO #HBOGO

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า