ภายใต้งานสัมมนาซึ่งจัดขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์จำกัด ในหัวข้อ Make It Great : The Vision 2025 – Great Journey. Great Investment โดยได้รับความร่วมมือจาก 3 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนชั้นนำ ได้แก่ บลจ.เกียรตินาคินภัทร บลจ.พรินซิเพิล และบลจ.แอทเซท พลัส ซึ่งได้ให้มุมมองการลงทุนในปี 2568 ไว้ด้วย
‘สิฏ์ระสา บุญ-หลง’ ประธานสายงานการตลาด บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด กล่าวว่า งานสัมมนานี้จัดขึ้นเพื่อให้มุมมองที่เจาะลึกครอบคลุมทุกตลาดการลงทุนและสินทรัพย์ทั่วโลก พร้อมแนะนำกลยุทธ์ Core & Satellite Portfolio ซึ่งถือเป็นแนวทางสำคัญในยุคที่ความไม่แน่นอนในตลาดการลงทุนทั่วโลกยังคงสูง
งานนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพการลงทุนของนักลงทุนไทย พร้อมนำเสนอข้อมูลที่ทันสมัยและกลยุทธ์ที่เหมาะสมเพื่อช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนการลงทุนได้อย่างมั่นใจ ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกและการลงทุนที่ซับซ้อนมากขึ้น
[ 3 บลจ. เผยมุมมองการลงทุนปี 2568 ]
ในงานสัมมนาครั้งนี้ บลจ. ชั้นนำทั้งสามได้เปิดเผยมุมมองการลงทุนในปี 2568 โดยเน้นโอกาสสร้างผลตอบแทนจากสินทรัพย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
บลจ.เกียรตินาคินภัทร คาดการณ์ว่าพันธบัตรรัฐบาลไทยยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจ โดยมีโอกาสที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2568 เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ กองทุน KKP ACT FIXED ที่เน้นตราสารหนี้ระยะกลางจึงมีโอกาสได้รับประโยชน์ พร้อมทั้งเพิ่มผลตอบแทนด้วยการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน
บลจ.พรินซิเพิล มองว่าการลงทุนในหุ้นโลกยังคงมีศักยภาพสูงในปี 2568 โดยเฉพาะจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เติบโตต่อเนื่อง กองทุน PRINCIPAL GLEADER ซึ่งเน้นหุ้นคุณภาพสูงที่เติบโตยั่งยืน เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาว นอกจากนี้ กองทุน PRINCIPAL VNEQ ก็ได้รับความสนใจจากโอกาสการอัปเกรดตลาดหุ้นเวียดนามสู่ดัชนี FTSE Emerging Market Index
บลจ.แอสเซท พลัส ชี้ว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีแนวโน้มเติบโตจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การลดภาษีนิติบุคคลและสนับสนุนธุรกิจในประเทศ กองทุน ASP-USSMALL เน้นการลงทุนในหุ้นขนาดเล็กคุณภาพสูง ขณะที่ ASP-DIGIBLOC มุ่งเน้นสินทรัพย์ดิจิทัลและบล็อกเชนที่ได้รับแรงสนับสนุนจากการอนุมัติ Bitcoin ETF
นอกจากนี้ ‘ศุภกฤต พิทักษ์พรเกษม’ , CISA ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด กล่าว การลงทุนในปี 2568 เป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทายและโอกาสการลงทุนการจัดพอร์ตการลงทุนอย่างมีกลยุทธ์จึงเป็นสิ่งสำคัญ
โดยแนวคิด Core & Satellite Portfolio ถูกนำเสนอเป็นแนวทางหลักในการวางแผนการลงทุนเพื่อตอบสนองต่อความไม่แน่นอนของตลาดและเพิ่มศักยภาพในการสร้างผลตอบแทน
- Core Portfolio ควรเน้นสินทรัพย์มั่นคง เช่น ตราสารหนี้ที่ได้รับผลดีจากแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยในปี 2568 และหุ้นคุณภาพสูงทั่วโลกที่เติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และตลาดเกิดใหม่อย่างอินเดีย และ เวียดนาม ซึ่งช่วยสร้างฐานการลงทุนที่มั่นคงในระยะยาว
- Satellite Portfolio ควรมุ่งเน้นสินทรัพย์ที่มีศักยภาพสร้างผลตอบแทนสูงในระยะสั้นถึงกลาง เช่น หุ้นขนาดเล็กในสหรัฐฯ ที่ได้ประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และหุ้นกลุ่ม Digital Asset ที่พร้อมได้รับนโยบายสนับสนุนจากสหรัฐฯในปีนี้
ทั้งนี้ การผสมผสานสินทรัพย์ใน Core Portfolio และ Satellite Portfolio จะช่วยให้นักลงทุนสามารถรับมือกับความผันผวนของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนในระยะยาว การเลือกสินทรัพย์ที่สอดคล้องกับเป้าหมายและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้จึงเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการลงทุนในปี 2568