ตลาดหลักทรัพย์ชี้แจงหุ้นร่วง นักลงทุน ‘โอเวอร์รีแอค’ แนะติดตามข้อมูล-ใช้เหตุผล

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ตอบกรณีหุ้นร่วง 50 จุด เกิดจากการ ‘โอเวอร์รีแอค’ ของตลาด แนะนำนักลงทุนพิจารณาข้อมูลและความสมเหตุสมผล ขณะที่ ก.ล.ต.ให้ข้อมูลว่า กองทุนไทยมีเงินฝากใน SVB แต่น้อยมาก

‘ภากร ปีตธวัชชัย’ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ตอบกรณีหุ้นไทยร่วงเกือบ 50 จุดวันนี้ (14 มี.ค. 2566) ว่า ตลาดหุ้นไทยปรับลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศ จากข่าวการปิดธนาคารในสหรัฐ

แม้เราจะไม่ใช่ตลาดเดียวที่ปรับตัวลงแรง โดยจะเห็นว่าตลาดหุ้นเอเชียและยุโรปก็ปรับตัวลงราว 2-3% แต่ความพิเศษคือ ตลาดหุ้นไทยถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบอีกทาง ซึ่งเป็นลบต่อกลุ่มพลังงาน กลุ่มที่มีน้ำหนักมากที่สุดในตลาด

โดยกลุ่มหุ้นที่กดดันดัชนี SET (SET Index) มากที่สุดวันนี้ คือ กลุ่มพลังงาน กลุ่มธนาคาร และกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ตามลำดับ ซึ่งมีน้ำหนักต่อดัชนีรวมๆ กันมากกว่า 50% (พลังงาน 20% ธนาคาร 15% และชิ้นส่วนฯ 15%)

ขณะที่แรงขายมาจากนักลงทุนต่างชาติและกองทุนในประเทศเป็นส่วนใหญ่ โดยนักลงทุนต่างชาติขายหนักสุด 4,727.13 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ 2,601.72 ล้านบาท กองทุน 2,442.04 ล้านบาท ส่วนรายย่อยกลับซื้อหุ้น 9,770.89 ล้านบาท

สำหรับเหตุการณ์ธนาคารปิดตัว ล่าสุด ทั้งสหรัฐและอังกฤษได้ออกนโยบายช่วยเหลือผู้ฝากเงินแล้ว ซึ่งเป็นนโยบายที่ค่อนข้างมีความเข้มแข็งมาก นอกจากนี้ ในอังกฤษยังมีการเข้าซื้อธนาคารที่มีปัญหาอีกด้วย

‘สิ่งที่เกิดขึ้น เรามองว่าเป็นการโอเวอร์รีแอค (Overreact) ของตลาด อยากให้นักลงทุนติดตามข้อมูลและพิจารณาความสมเหตุผลของสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้’

เมื่อถามถึงกลุ่มธนาคารในประเทศ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ระบุว่า การปิดตัวลงของธนาคารในสหรัฐ มาจากลักษณะเฉพาะของแบงก์นั้นๆ ไม่ได้มาจากสาเหตุที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วไป หรือจะสามารถเกิดขึ้นกับธนาคารในไทยได้

นอกจากนี้ ธนาคารในประเทศเรายังมีความแข็งแกร่ง เงินฝากกระจายในหลายอุตสาหกรรม ขณะที่สินทรัพย์ลงทุนของแบงก์เองก็กระจายไปในหลากหลายกลุ่ม หลากหลายช่วงอายุ

ดังนั้น ขอให้ทุกคนอย่าตื่นตระหนก ซึ่งตอนนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ เริ่มเห็นสัญญาณตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรป ก็ไม่ได้ตื่นตระหนกเท่าวานก่อน (13 มี.ค.) แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามสถานการณ์คืนนี้

‘พราวพร เสนาณรงค์’ ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่า ธุรกิจที่อยู่ภายใต้การดูแลของ ก.ล.ต. เช่น กองทุนรวม จากการสอบถามพบว่า มีบางแห่งที่ฝากเงินอยู่ใน Silicon Valley Bank แต่เป็นสัดส่วนที่น้อยมาก

ส่วนผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล จากการสอบถามยังไม่มีบริษัทไหนได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งบางแห่งมีการสื่อสารและชี้แจงให้ลูกค้าได้รับทราบตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว

สำหรับความเคลื่อนไหวของ SET Index วันนี้ ปิดที่ 1,523.89 จุด ลดลง 49.18 จุด หรือ 3.13% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 103,839.82 ล้านบาท ระหว่างวันสูงสุดที่ 1,572.36 จุด และต่ำสุดที่ 1,518.66 จุด

ทั้งนี้ SET Index ปรับตัวลงต่ำสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง นับตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค. 2564 ขณะที่มูลค่าการซื้อขายสูงสุดในรอบ 1 เดือน นับตั้งแต่ 15 ก.พ. 2566 โดยหุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก คือ

1. KBANK ปิดที่ 126.50 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 1.17% มูลค่าการซื้อขาย 5,897.30 ล้านบาท

2. SCB ปิดที่ 97.50 บาท ลดลง 2.25 บาท หรือ 2.26% มูลค่าการซื้อขาย 4,101.54 ล้านบาท

3. CPALL ปิดที่ 59.75 บาท ลดลง 2.25 บาท หรือ 3.63% มูลค่าการซื้อขาย 3,488.76 ล้านบาท

4. PTT ปิดที่ 29.50 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ 2.48% มูลค่าการซื้อขาย 3,329.39 ล้านบาท

5. AOT ปิดที่ 66.25 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 2.21% มูลค่าการซื้อขาย 2,959.92 ล้านบาท