หลายปีที่ผ่านมาไลฟ์สไตล์ชีวิตยุคนี้กำลังบังคับให้เราห่างไกลกันมากขึ้น เราฝังตัวและเปิดเผยตัวเองมากขึ้นในโลกออนไลน์ แต่กลับห่างเหินกันในโลกจริง ยิ่งตั้งแต่ช่วงโควิดระบาด ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะทำงาน เรียน เข้าสังคม แม้แต่กิจกรรมอย่างคอนเสิร์ตในตอนนั้นก็สามารถจัดเป็นแบบออนไลน์ได้หมด
หลังจากผ่านยุคนั้นไปแล้ว ไลฟ์สไตล์หนึ่งที่เปลี่ยนแปลงคนทั้งโลกไปอย่างมากคือ ผู้คนเสพติดการใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์มากกว่าเดิมไปอีก การทำงาน Work From Home หรือ Work From Anywhere งานรูปแบบ Hybrid เข้าออฟฟิศไม่กี่วันที่เหลือทำงานที่บ้านหรือที่อื่นแทน กลายเป็นเรื่องปกตมากขึ้นของหลายบริษัท
ไลฟ์สไตล์ชีวิตประจำวันแบบนี้กำลังทำให้คนเราเจอกันน้อยลง ยิ่งกับคนรุ่นใหม่ด้วยแล้ว ที่การเข้าสังคมพูดคุยเห็นหน้ากลายเป็นเรื่องยากขึ้นสำหรับพวกเขา แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะอยากใช้ชีวิตแบบนี้ไปตลอด
[ In Real Life เมื่อผู้คนอยากใช้เวลาร่วมกันมากกว่าอยู่ในโลกออนไลน์ ]
เมื่อเทรนด์เริ่มเปลี่ยน มีกลุ่มคนที่เริ่มกระหายการเข้าสังคม นำมาสู่เทรนด์ IRL หรือ In Real Life เพิ่มขึ้น โดยที่ผู้คนหันกลับมาให้ความสำคัญกับประสบการณ์ในชีวิตจริงมากขึ้น หลังจากใช้ชีวิตในโลกออนไลน์อย่างหนัก
หลักๆ เทรนด์นี้เกี่ยวกับการใช้ชีวิต การทำงาน การท่องเที่ยว และไลฟ์สไตล์ เน้นให้ผู้คนได้เจอกัน เช่นการเข้าร่วมอีเวนต์ งานเทศกาล หรือคอนเสิร์ตที่จัดขึ้นแบบออฟไลน์ให้คนที่ชื่นชอบเรื่องเดียวกันได้ไปเจอกัน
รวมทั้งการเข้าคลาสเรียนหรือเวิร์กช็อปต่างๆ ที่ช่วยพัฒนาทักษะในชีวิตจริง เช่น การทำอาหาร ศิลปะ และกีฬา
ขณะเดียวกัน เทรนด์ IRL ก็เป็นโอกาสให้ธุรกิจใหม่ในไทยถือกำเนิดขึ้นด้วย
ตัวอย่างเช่น ธุรกิจคาเฟ่หลายๆ แห่งเริ่มเป็นมากกว่าคาเฟ่ สั่งเครื่องดื่มแล้วมีกิจกรรมศิลปะระบายสีเพิ่มขึ้นมา ผู้คนได้ใช้เวลาร่วมกันมากกว่านั่งจิบกาแฟชิลๆ อย่างเดียว หรือจะเป็นธุรกิจเวิร์กช็อปโดยตรงที่เปิดหลายๆ เวิร์กช็อปให้คนได้เลือกตามความสนใจที่อยากทำ
[ หลายแบรนด์เริ่มปรับ แม้แต่ Meta ที่ครองโลกโซเชียลยังจัดกิจกรรมให้คนได้เจอกัน ]
เมื่อหลายแบรนด์ยังเริ่มปรับตัวให้ทันความต้องการ จึงมีการจัดแคมเปญให้ผู้คนได้มีส่วนร่วมและใช้เวลากันมากขึ้น
ไม่นานมานี้ Meta จัดเทศกาลคาร์นิวัล #FacebookIRL 3 วันในไทย เปิดเป็นพื้นที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ (young adults) ครีเอเตอร์ และชุมชนต่างๆ
โดยภายในงานจัดในธีมสวนสนุก เปิดให้ผู้ใช้งานทั่วไปมาเจอกับเหล่าครีเอเตอร์ชื่อดัง แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน มากกว่าการเจอและติดตามกันผ่านโลกออนไลน์อย่างเดียว
นอกจากนี้ Meta ยังพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้ งาน Facebook โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่และผู้คนทั่วไปให้สามารถสำรวจความสนใจและเชื่อมต่อกับผู้คนที่หลากหลาย นอกเหนือจากเพื่อนสนิทใน Facebook ได้มากยิ่งขึ้น
Facebook ยังคงเป็นแพลตฟอร์ม ที่ผู้คนเลือกใช้เพื่อเชื่อมต่อกับชุมชนต่างๆ โดยมีผู้ใช้งานมากกว่า 1.8 พันล้านคนที่มีส่วนร่วมในกลุ่มต่างๆ ในแต่ละเดือน ทำให้เกิดโอกาสสร้างกิจกรรมใหม่ๆ ให้กับคนที่สนใจเหมือนกันได้มาพบปะกันมากกว่าอยู่บนโลกโซเชียล
[ แบรนด์ใหญ่ทั่วโลก ทำ IRL อย่างไรบ้าง ]
แบรนด์ใหญ่ๆ อย่าง IKEA มีการจัดเวิร์กช็อป DIY ในร้าน ให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การประกอบเฟอร์นิเจอร์ด้วยตนเอง เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้เรียนรู้วิธีการตกแต่งบ้าน และใช้ความคิดสร้างสรรค์ร่วมกันในบรรยากาศที่สนุกสนาน ซึ่งก็ได้ผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า เพราะได้ความสนุกและประสบการณ์ใหม่ๆ
Airbnb ที่เพิ่งเปิดตัว Airbnb Experiences ให้ผู้เข้าพักสามารถเข้าร่วมกิจกรรมในท้องถิ่น เช่น การทำอาหาร การทัวร์เมืองโดยไกด์ท้องถิ่น หรือการเรียนรู้ศิลปะพื้นบ้านก็เช่นกัน
เทรนด์ IRL (In Real Life) กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง และกำลังมาแรง เพราะคนเราต้องการปรับสมดุลระหว่างการใช้เทคโนโลยีกับการสัมผัสประสบการณ์จริง
แบรนด์เองก็ต้องปรับให้มีกิจกรรมที่ผู้คนได้ใช้เวลาร่วมกันและยังเลือกแบรนด์อยู่ สร้างความรอยัลตี้ไปพร้อมๆ กับสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ลูกค้า
เพราะมันคงจะดีกว่าถ้าเราเงยหน้ามามองตากัน มากกว่ามองจอ…